จากกรณีที่ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ หรือผู้การแต้ม อดีตรอง ผบช.น. กล่าวถึงประเด็นรายได้และการเสียภาษีของนายไชย์พล วิภา หรือลุงพล และบรรดายูทูบเบอร์ (Youtuber) หลังจากยูทูบเบอร์หลายคนประกาศแยกตัวขอออกห่างจากลุงพล เชื่อว่าปัญหาหลักมาจากปัญหาการแจ้งรายได้ที่ต้องเสียภาษีให้กับสรรพากร เพราะการทำช่องยูทูบมีรายได้และเป็นยอดเงินจำนวนไม่น้อย จึงต้องการให้มีการตรวจสอบว่าได้เสียภาษีอย่างถูกต้องหรือไม่ ตามที่มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 28 ธ.ค. ที่ กรมสรรพากร ซ.พหลโยธิน แขวงและเขตพญาไท กรุงเทพฯ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ หรือผู้การแต้ม อดีตรอง ผบช.น. เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องขอให้ตรวจสอบการเสียภาษีของนายไชย์พล วิภา หรือลุงพล และ น.ส.สมพร หลาบโพธิ์ หรือป้าแต๋น โดยมีตัวแทนจากกรมสรรพากรรับหนังสือแทนอธิบดี จากนั้น พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า วันนี้ตนเดินทางยื่นหนังสือขอให้กรมสรรพากรทำการตรวจสอบลุงพล ป้าแต๋น และยูทูบเบอร์ที่ออกอากาศสิ่งต่าง ๆ และสิ่งที่ไลฟ์ไปนั้นได้รับผลประโยชน์อย่างไรบ้าง และผลประโยชน์นั้นได้มีการเสียภาษีให้รัฐหรือไม่ มีการแจ้งรายการเสียภาษีหรือไม่ มีการจัดเก็บภาษีหรือไม่ ซึ่งตนจะทำเคสนี้ให้เป็นตัวอย่างกับยูทูบเบอร์หรือกับคนที่ใช้ประโยชน์จากความอ่อนแอของสังคมหรือความเดือดร้อนของสังคม แล้วเอารายได้มาใช้ส่วนตัวโดยไม่คำนึงถึงคุณธรรม ศีลธรรม เพราะตอนนี้มียูทูบเบอร์บางคนทำให้คนเลวเป็นคนดีได้ ทำให้คนดีเป็นคนเลวได้ ทำของปลอมเป็นของจริงได้ ดังนั้น สิ่งที่คุณได้ประโยชน์จะต้องเสียภาษีให้กับรัฐเพื่อให้เกิดการตรวจสอบ และตนฝากสรรพากรให้ตรวจสอบอย่างจริงจัง นอกจากนี้ พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร หรือ ท่านเรวัช จะมีการไปแจ้งต่อ ป.ป.ท. ด้วย อย่างไรก็ตาม ตนจะไม่ปล่อยให้คนที่ทำผิดหรือสร้างรอยด่างให้สังคม นำคนไม่ดีเป็นฮีโร่แล้วมาหาผลประโยชน์ตรงนี้

พล.ต.ต.วิชัย กล่าวอีกว่า สำหรับการขอให้สรรพากรตรวจสอบย้อนหลังการเสียภาษีนั้น จะตรวจสอบกี่ปีขอให้เป็นอำนาจของกรมสรรพากร อาจจะ 3-5 ปีก็ได้ เป็นไปตามอำนาจกฎหมาย ส่วนที่ก่อนหน้านี้นายไชย์พล อ้างว่าเคยมีทรัพย์สินมากกว่า 1 ล้านบาทอยู่แล้ว ตนมองว่าก็ไม่เป็นไร เพราะเราได้เห็นสภาพอยู่แล้วว่าก่อนเกิดเหตุสภาพบ้านฝาบ้านยังไม่มี ก็ขอให้มาชี้แจงว่าร่ำรวยได้อย่างไร เพราะสรรพากรมีวิธีการตรวจสอบอยู่แล้ว ถ้าชี้แจงได้ก็จะได้รับการตอบรับว่าทรัพย์สินนั้นๆ ได้มาโดยถูกต้อง แต่ถ้าชี้แจงไม่ได้ ก็อาจจะมีโทษหรือไม่ ก็ต้องให้สรรพากรดำเนินการ ทั้งการตรวจสอบรายการทรัพย์สินหรือการยึดทรัพย์สิน เป็นต้น แต่ตนไม่ปล่อยแน่นอน และจะตรวจสอบซ้อนกับสรรพากร

พล.ต.ต.วิชัย กล่าวยืนยันว่า นี่ไม่ใช่การแก้แค้นส่วนตัว และการที่ตนไปออกรายการทุกรายการนั้น ตนไปให้ความรู้กับประชาชน และไม่ได้เงินทองจากการไปออกรายการ รวมถึงตนยังไปเป็นอาจารย์สอนตามสถาบันการศึกษา ตามมหาวิทยาลัยต่างๆ อีกทั้งในรายการโหนกระแส ตนก็ไม่ได้ไปวิเคราะห์แค่รายการเดียว ตนไปทุกช่อง ทุกสถานี ทั้งวิทยุทีวี ซึ่งการที่ตนไปวิเคราะห์ก็ไม่เคยระบุว่านายไชย์พลกระทำผิด แต่ตนไปวิเคราะห์หลังศาลตัดสินแล้วว่าศาลมองอย่างไรแค่นั้น ส่วนกรณีคลิปของลุงพล ตนไม่ได้เคยดู แม้กระทั่งวานนี้มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอ ตนก็ไม่ได้ดูแต่มีคนมาบอกว่าพฤติกรรมเป็นอย่างไร ซึ่งตนจะบอกว่าพฤติกรรมของคนนั้น “สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล” ดังนั้น เมื่อนายพลพูด ตนอยากให้ลองได้อ่านกันว่าเขาว่าตัวเองหรือไม่

พล.ต.ต.วิชัย กล่าวถึงความคืบหน้าการแจ้งความเอฟซีลุงพลที่หมิ่นประมาท ว่า ตนได้ไปแจ้งความที่ สน.ดอนเมือง ส่วนจากนี้ตนจะแจ้งความอีก 2 ราย ซึ่งจะแจ้งความโดยใช้คำว่า “กับพวก” ซึ่งใครที่เกี่ยวข้องจะโดนหมด แม้กับคนที่จะเอาไปไลฟ์ต่อ ตนจะให้ตำรวจแจ้งความทั้งหมด แบบต่างกรรมต่างวาระ คุณไลฟ์ 1 ครั้ง ผมแจ้งความ 1 ครั้ง เพื่อบอกให้กลุ่มคนที่กระทำผิดจะต้องได้รับโทษ และตนจะทำเป็นตัวอย่าง เพราะในตอนนี้ยูทูบเบอร์พูดไม่กี่นาที ก็มีคนเสียหายจำนวนมาก ก็จะต้องรับผิดชอบ ทั้งนี้ ภายหลังตนแจ้งความ ตนไม่รับสายใคร และไม่ต้องมาขอพบ เพราะตนเป็นคนเฉียบขาด ไม่มีให้อภัยถ้าทำผิดกฎหมาย

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า พล.ต.ต.วิชัย พร้อมด้วยตัวแทนกรมสรรพากร ได้ขึ้นไปยังชั้น 4 ของอาคาร เพื่อเข้าพบและพูดคุยกับ น.ส.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพากร.