จากกรณีที่คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) คดีหมูเถื่อนภายใต้การกำกับของ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีดีเอสไอ และในฐานะรักษาราชการแทนอธิบดี นำโดย พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม และในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน ดำเนินการรับคดีพิเศษเพิ่มเติมอีก 2 คดี ได้แก่ คดีพิเศษที่ 126/2566 กรณีขบวนการนำเข้าสินค้าประเภทซากสัตว์ (สุกร) เข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และได้นำออกไปจำหน่ายตามท้องตลาดแล้ว และคดีพิเศษที่ 127/2566 กรณีขบวนการนำเข้าสินค้าประเภทซากสัตว์ เข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เพื่อสอบสวนหาผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดสำหรับดำเนินคดีทางอาญาตามฐานความผิด ต่อมาได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอาญาออกหมายจับ 4 บุคคล ประกอบด้วย นายหลี่ เซิ่งเจียว หรือเฮียเก้า นายกสมาคมการค้าแลกเปลี่ยนเศรษฐกิจไทยเอเชีย และพวก ในฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560, พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558, ความผิดฐานอั้งยี่ซ่องโจร และข้อหาร่วมกันฟอกเงิน ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 11 ม.ค. ที่บริษัท โกลเด้น ชาวเวอร์ เทรดดิ้ง จำกัด (Golden Shower Trading Co.,ltd.) เลขที่ 981/101-102 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการเข้าตรวจค้นของคณะพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อน พบว่าพื้นที่เป้าหมาย 1 จุดนี้ เป็นอาคารพาณิชย์ตีทะลุ 2 คูหา จำนวน 4 ชั้นครึ่ง ทาสีเขียว-ขาว เบื้องต้นจากการตรวจสอบการจัดตั้งบริษัทนิติบุคคลพบว่าบริษัทดังกล่าวจดจัดตั้งเพื่อผลิตเครื่องนอน ผ้าสำหรับใช้บนโต๊ะอาหาร ห้องน้ำและห้องครัว โดยผลิตจากเส้นใยธรรมชาติ กระทั่งล่าสุดเปลี่ยนการจดทะเบียนเป็นการผลิตสินค้าที่แปรรูปจากกระดาษเพื่อใช้ในครัวเรือนและสุขอนามัย และผลิตจัดจำหน่ายผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับเด็ก ยี่ห้อ MIMIPAPA ซึ่งมีทุนจดทะเบียน 6 ล้านบาท โดยมีชื่อผู้จดทะเบียนเป็นกรรมการบริษัท คือ นายหลี่ เซิ่งเจียว หรือเฮียเก้า สัญชาติจีน และนายกรินทร์ ปิยพรไพบูลย์ (บุตรชายของนายหลี่)

โดย พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม และในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน กล่าวภายหลังการเข้าตรวจค้นว่า หลังจากที่เราได้ขอศาลอาญาออกหมายจับแก่ 4 บุคคลซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบนำเข้าตู้เนื้อสัตว์เถื่อนมายังประเทศไทย พบว่าใน 4 รายนี้ 2 ราย คือ นายหลี่ เซิ่งเจียว หรือเฮียเก้า สัญชาติจีน และนายกรินทร์ ปิยพรไพบูลย์ (บุตรชายของเฮียเก้า) พักอาศัยอยู่ที่นี่ จึงได้มาตามหมายจับของศาล แต่ปรากฏว่าในวันนี้ทั้งคู่ไม่ได้อยู่ที่บ้านแห่งนี้แล้ว เพราะจากการสืบสวนและการให้ปากคำของคนในบ้านหลังนี้ทราบว่าทั้งคู่ยังอยู่ต่างประเทศ เดินทางไปก่อนหมายจับออก อย่างไรก็ตาม การตรวจค้นในวันนี้เราจะนำพยานเอกสารที่ยึดได้ไปขยายผลหาผู้บงการแท้จริงต่อไป สำหรับพยานหลักฐานที่เราพบ คือ เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกตีนไก่ไปจำหน่ายยังประเทศจีน และเอกสารที่เราตรวจยึดมั่นใจได้ว่าจะขยายผลไปพบกับผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ เพื่อขอศาลออกหมายจับเพิ่ม เพราะเนื้อหาระบุชัดเจนถึงการส่งออกตีนไก่ในช่วงปี 64-66 และรายชื่อบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเฮียเก้าในการส่งจัดจำหน่าย ส่วนเอกสารการนำเข้าตีนไก่จากประเทศที่สาม อาทิ บราซิล หรืออุรุกวัย วันนี้เรายังไม่พบแต่อย่างใด

พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวอีกว่า สำหรับพฤติการณ์ของการส่งจำหน่ายตีนไก่ไปขายประเทศจีนนั้น พบว่ามีการนำเข้าจากประเทศที่สาม และนำเข้ามายังประเทศไทยเพื่อแปรรูปและเปลี่ยนแปลงบรรจุภัณฑ์ ก่อนส่งจำหน่ายไปยังประเทศจีน โดยทั้งกระบวนการมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วนนักการเมืองจะมีเกี่ยวข้องหรือไม่ อยู่ระหว่างการตรวจสอบเพื่อขยายผล นอกจากนี้ เฮียเก้าเป็นคนจีน ส่วนจะเกี่ยวข้องหรือมีความสัมพันธ์กับนักการเมืองรายใด ดีเอสไอก็จะต้องไปตรวจสอบเช่นกัน สำหรับกรณีที่ลูกชายของเฮียเก้ามีนามสกุลไทยนั้น เราก็จะไปตรวจสอบข้อมูลจากเอกสารที่ได้ยึดวันนี้

พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวถึงโควตาของบริษัทเฮียเก้าที่ส่งจำหน่ายไปยังประเทศจีน ว่า เรื่องโควตานั้น เราอยู่ระหว่างการตรวจสอบกับหน่วยงานของรัฐ ว่าบริษัทเฮียเก้าได้โควตาในการจัดส่งตีนไก่และชิ้นส่วนไก่ปริมาณเท่าไร และเราจะต้องเชิญเจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าให้ข้อมูลข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ เพื่อขยายผลต่อเนื่อง ว่าทางเจ้าหน้าที่ให้โควตาใดบ้าง ส่วนภาพถ่ายที่ปรากฏในสื่อมวลชนที่เฮียเก้าได้ร่วมบันทึกภาพกับข้าราชการฝ่ายการเมือง และเจ้าหน้าที่รัฐนั้น เราก็จะไปตรวจสอบเช่นกัน ในส่วนของการใช้ชื่อสมาคมไปแสวงหาผลประโยชน์หรือไม่นั้น ก็จะต้องตรวจสอบร่วมด้วย

พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวอีกว่า สำหรับการนำเข้าซากไก่ของบริษัทเฮียเก้าและกลุ่มคนที่นำเข้าชิ้นส่วนสุกรแช่แข็งนั้น อาจมีความเชื่อมโยงกันในส่วนของบริษัทชิปปิ้งเอกชน เพราะบางบริษัทชิปปิ้งอาจนำเข้าทั้งชิ้นส่วนสุกรและชิ้นส่วนไก่ แต่ของบริษัทเฮียเก้า เราต้องไปดูว่านำเข้าแค่ตีนไก่อย่างเดียวหรือไม่ อย่างไรก็ตาม บุคคลทั้ง 4 รายในหมายจับล้วนเกี่ยวข้องกับการนำเข้าตีนไก่ออกจำหน่ายประเทศจีน ในกรณีของอีก 2 ราย ที่อยู่ระหว่างติดตามจับกุม ได้แก่ นายหยาง ยา ซุง และ น.ส.นวพร เชาว์วัย จะต้องตรวจสอบด้วยว่ามีบทบาทกับบริษัทของเฮียเก้าอย่างไร เพราะทั้งคู่ก็อยู่ในบริษัทที่จัดจำหน่ายตีนไก่ไปยังประเทศจีน

ทั้งนี้ พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวปิดท้ายว่า แม้ในการตรวจค้นวันนี้เราจะไม่สามารถจับกุมเฮียเก้าและลูกชายได้ แต่เราก็จะนำข้อมูลและพยานเอกสารที่ได้รับไปขยายผลต่อหาความเชื่อมโยง และต้องตรวจสอบให้ได้ว่าเฮียเก้ายังอยู่ในประเทศไทย หรือเดินทางออกไปยังต่างประเทศตามคำบอกเล่าของคนในบ้านแห่งนี้ ซึ่งการที่เราแจ้งข้อหาฐานอั้งยี่ซ่องโจร ก็เพราะว่ากลุ่มของเฮียเก้าอยู่ในคดีพิเศษที่ 127/2566 ซึ่งดีเอสไอดำเนินการเกี่ยวกับขบวนการลักลอบนำเข้าเนื้อสัตว์เถื่อนกว่า 10,000 ตู้ ทั้งหมูเถื่อน วัวเถื่อน และตีนไก่สวมสิทธิ มีผู้เกี่ยวข้องหลายส่วน อาทิ เจ้าหน้าที่รัฐ นายทุน บริษัทชิปปิ้งเอกชน และหน้าเสื่อเคลียร์ทาง จึงต้องแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าว.