เมื่อวันที่ 13 ม.ค. ผู้สื่อได้รับแจ้งว่า มีเด็กวัย 15 ปี มีชีวิตแสนลำบาก ไม่ได้เรียนหนังสือ ต้องแบกข้าวสารหาเงินดูแลครอบครัวที่มีผู้ป่วยอัมพาต จึงเดินทางไปตรวจสอบพบ นายปกป้อง วงรักษา หนุ่มน้อยวัย 15 ปี ชาวบ้านห้วยเตยพัฒนา ต.สระตะเคียน อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา

เมื่อสอบถามถึงเส้นทางชีวิต พบว่า เด็กวัย 15 ต้องไปทำงานรับจ้างยกกระสอบข้าวที่โรงสีของหมู่บ้านในช่วงเช้าเป็นประจำทุกวัน เพราะว่าเป็นอาชีพเดียวที่จะหารายได้มาเลี้ยงครอบครัวที่มีอยู่ด้วยกันรวม 6 ชีวิต แต่ในจำนวนนั้นมีสภาพร่างกายแข็งแรงเป็นปกติเพียง 2 คนเท่านั้น คือ น้องปกป้อง และพี่ชายที่ต้องออกไปตระเวนหารับจ้างทำงานนอกพื้นที่ ส่วนที่เหลืออีก 4 คน คือคุณย่า วัย 80 กว่าปี ป่วยเป็นอัมพาตติดเตียงมานานนับสิบปีแล้ว ต่อมาเป็นคุณลุงที่ก่อนหน้านี้ทำหน้าที่ดูแลยาย ก็มาเป็นอัมพาตครึ่งซีกซ้ำอีกเมื่อไม่กี่เดือนมานี้ จนทำให้ลุงอีกคนที่ก่อนหน้านี้จะออกไปหารับจ้างทำงานต่างพื้นที่ ต้องกลับมาคอยดูแลยายแทน เพราะไม่มีใครคอยดูแลป้อนข้าวป้อนน้ำคนป่วยทั้งสองคน และตอนนี้ก็เริ่มจะมีปัญหาที่แขนขวาอีกคน ส่วนที่เหลืออีกคน ก็คือพ่อของน้องปกป้อง ที่ก็มีอาการป่วยทางสมองและผิดปกติทางสายตา แม้ว่าจะพอช่วยเหลือตัวเองได้ แต่ก็ไม่สามารถทำงานหนักหาเงินมาช่วยครอบครัวได้ ทำให้ทั้งหมด 4 ชีวิต ต้องพึ่งเสาหลักอย่างน้องปกป้องเพียงคนเดียว

น้องปกป้อง เล่าว่า ทุกวันนี้ตัวเองต้องออกไปทำงานรับจ้างแบกข้าวสารตระเวนส่งให้กับลูกค้าตั้งแต่เช้ามืดจนถึงช่วงสาย ได้ค่าแรงวันละ 200 บาท และเป็นงานเพียงอย่างเดียวที่มีให้ได้ทำ จากความเมตตาของเถ้าแก่ เพราะตัวเองเรียนไม่จบ ป.6 เพราะไม่มีใครหาเลี้ยงย่ากับพ่อที่พิการ เดิมทีก่อนหน้านี้ทางเถ้าแก่โรงสีได้ฝากให้ไปซ้อมมวยและขึ้นชกเพื่อหารายได้เพิ่ม แต่ก็ต้องเลิกไป เพราะลุงที่คอยช่วยดูแลย่าและพ่อต้องมาป่วยเป็นอัมพาตครึ่งซีกไปอีกคน ทำให้ตัวเองต้องมาคอยดูแลทั้งสองคนแทนจนไม่มีเวลาฝึกซ้อม แม้ว่าตอนนี้ลุงอีกคนจะกลับมาดูแลย่าและลุงแทนแล้ว แต่ด้วยการที่หยุดซ้อมมวยมานาน ทำให้สภาพร่างกายไม่ได้เหมือนเดิม ทำให้ตอนนี้เหลือเพียงแค่งานรับจ้างแบกข้าวสาร ที่ก็ไม่ได้มีทุกวัน วันไหนไม่มีงาน ก็ไม่มีเงินมาให้ครอบครัว ทำให้ตัวเองไม่มีเวลาเที่ยวเล่นเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ หากถามว่าวันเด็กอยากได้ของขวัญอะไร ก็อยากให้ครอบครัวมีความเป็นอยู่ที่ดีกว่านี้ เพราะทุกวันนี้ลำบากมาก ตัวเองพอมีความรู้เรื่องการซ่อมรถจักรยานยนต์อยู่บ้าง หากมีโอกาสก็อยากจะเปิดร้านซ่อม เพื่อที่จะได้มีเงินเลี้ยงครอบครัวและจะได้ดูแลครอบครัวไปด้วย

ทางด้านนายจิระศักดิ์ จุลกระโทก อายุ 47 ปี เถ้าแก่โรงสีที่รับน้องปกป้องเข้าทำงาน บอกว่า รับน้องปกป้องเข้ามาทำงานตั้งแต่ตอนน้องอยู่ประมาณชั้น ป.5 เนื่องจากเห็นว่าเป็นคนที่แข็งแรง และต้องการเงินไปดูแลครอบครัว โดยให้ช่วยแบกข้าวส่งให้กับลูกค้า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา น้องเป็นคนขยันขันแข็ง กตัญญูหาเงินเลี้ยงครอบครัวมาตั้งแต่เด็ก ก็อยากให้น้องให้เรียนต่อ หรือมีอาชีพที่มั่นคง ดูแลครอบครัวได้ดีกว่านี้ หากเป็นไปได้ อยากให้ความฝันน้องที่อยากจะเปิดร้านซ่อมรถจักรยานยนต์เป็นจริงเสียที.