เมื่อวันที่ 21 ก.พ. นายประวัติศาสตร์ จันทรเทพ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน กล่าวถึงกรณีการออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก. รุกล้ำแนวเขตอุทยานฯ เขาใหญ่ ว่า กรณีที่เกิดขึ้นไม่ใช่ครั้งแรกในการออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.ในพื้นที่อุทยานฯ ในส่วนของอุทยานฯ ทับลาน เกิดปัญหานี้มานาน และมีการดำเนินคดีไปแล้ว ซึ่งที่เป็นข่าวใหญ่คือกรณีรีสอร์ทการ์มองเต้ ซึ่งขณะนั้นอัยการสั่งไม่ฟ้อง แต่เราไม่ยอม และได้ทำเรื่องเสนอกรมอุทยานฯ ให้ส่งเรื่องไปยังอัยการสูงสุดว่าเหตุใดจึงสั่งไม่ฟ้อง ซึ่งเป็นเพราะเขาอ้างว่าเป็นพื้นที่ ส.ป.ก. อย่างไรก็ตามเท่าที่ทราบตอนนี้อัยการสูงสุดสั่งให้นำเรื่องกลับมาพิจารณาฟ้องใหม่แล้ว

‘ดำรงค์’ ซัดลักหลับออก ส.ป.ก.เขาใหญ่ ชี้ป่าไม้แจ้งความได้เลย-ไปถึงศาลก็ติดคุก

นายประวัติศาสตร์ กล่าวว่า นอกจากนั้นอุทยานฯ ทับลานยังได้เตรียมข้อมูลการออก ส.ป.ก. ในพื้นที่อุทยานฯ เพื่อยื่นร้องต่อ ป.ป.ช. โดยได้รับแบบฟอร์มจากนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักอุทยานฯ แล้ว เพื่อเป็นการสำทับว่าพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ชุดนี้ มันไม่ใช่ครั้งแรก เพราะอุทยานฯ ทับลานเคยดำเนินคดีกับ ส.ป.ก. จ.นครราชสีมา มาแล้ว ซึ่งแทบจะเป็นชุดเดียวกันกับกรณีเขาใหญ่ เพียงแต่คนเซ็นชื่อเปลี่ยนกันบ้างส่วนในขบวนการแทบจะเรียกว่าเป็นชุดเดียวกัน อย่างไรก็ตามทราบว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับรีสอร์ทการ์มองเต้ที่เคยโดนโยกย้ายไปนั้น ถูกย้ายไปเพียงไม่กี่เดือน สุดท้ายก็ได้กลับมาที่เดิมแล้ว

นายประวัติศาสตร์ กล่าวว่า สำหรับอุทยานฯ ทับลาน ที่ผ่านมามีการใช้กลไกของ คทช. ในการแก้ปัญหาพื้นที่ ซึ่งในส่วนของอุทยานฯ ทับลานคัดค้านมาตลอดว่าเห็นควรแก้ปัญหาโดยใช้กฎหมายอุทยานฯ 2562 ซึ่งสามารถอนุญาตให้ชาวบ้านทำกินในพื้นที่ได้ แต่ยืนยันว่าในส่วนคดีบุกรุกที่ดำเนินคดีไปแล้ว หรือพบการก่อสร้าง อะไรที่ไม่ถูกต้องเราดำเนินคดีใหม่ทันที เพราะหนึ่งในมติ ครม.ระบุชัดเจนอยู่แล้วว่าห้ามนำเรื่องการแก้ปัญหา คทช. มายุ่งเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม ดังนั้นคดีเหล่านี้เกิดตั้งแต่ปี 2554-2555 จึงย้อนเวลาไม่ได้เพราะตอนนั้นคุณกระทำผิดกฎหมาย แต่แปลงคดีเหล่านี้เขาก็พยายามซื้อเวลา จึงเป็นเรื่องลำบากของเจ้าหน้าที่ที่จะต้องเป็นพยานในศาล ลำบากอัยการที่จะต้องมาคอยถกเถียงกับบุคคลเหล่านี้ซึ่งเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังในการผลักดันเรื่องนี้ โดยอ้างราษฎร แต่จริงๆ ส่วนใหญ่ก็เป็นคนที่ถูกดำเนินคดีไปแล้ว เพราะชาวบ้านสามารถทำกินในพื้นที่ได้โดยไม่มีปัญหา แต่สิ่งที่น่ากลัวคือเครื่องมือที่เอาไปให้ ส.ป.ก. ดำเนินการ ซึ่งในอนาคตจะออกเป็นโฉนดได้หรือไม่ และหากถึงตอนนั้นที่ดินจะตกอยู่กับใคร สุดท้ายชาวบ้านก็ยังจนเหมือนเดิมเพราะขายที่ดินไป หรือเขาเอามาเป็นนอมินีให้เท่านั้นเอง

“ในกระบวนการฟ้องศาลปกครองมันไม่มีแพ้ เพราะพื้นที่อุทยานฯ ป่าสงวนฯ ก็ผิดกฎหมายชัดเจนอยู่แล้ว ถ้าคุณอยู่โดยไม่มีเอกสารรับรองก็คือผิดแต่แรก คุณจะไปเอา ส.ป.ก.มาทีหลัง ซึ่งจริงๆ ก็คล้ายๆ เขาใหญ่ แต่เขาใหญ่มันโจ่งแจ้ง น่าเกลียดตรงที่ว่าคุณไปให้ในพื้นที่ป่า แต่ทับลานคุณไปให้ในพื้นที่ที่มันเป็นแปลงคดีซึ่งก็น่าเกลียดเหมือนกัน แต่ความรู้สึกอาจจะต่างกันเพราะสภาพพื้นที่มันเป็นที่ทำกิน แต่ผืนดินตัวที่ดินตามข้อกฎหมายมันคือพื้นที่ของคนทั้งประเทศเป็นพื้นที่อุทยานฯ ในอุทยานฯ ทับลานมีพื้นที่ที่อ้างว่าเป็น ส.ป.ก. 8,000 ไร่ เป็นพื้นที่ที่บวมออกมา จากที่มันทับซ้อนพื้นที่ประกาศ ส.ป.ก กับป่าวังน้ำเขียวอยู่ 5 หมื่นกว่าไร่ ถ้าใช้หลักการวันแม็พที่ถูกต้องตรงนี้โอเค ว่าอาจจะต้องเพิกถอนให้ ส.ป.ก. ไป ซึ่ง ส.ป.ก.ก็ออก 4-01 ในพื้นที่นี้ไปแล้วตั้งแต่ช่วงปี 2525 หลังประกาศเขตอุทยานฯ แต่ในส่วนของ 8,000 ไร่ คือมันเลยออกมาอีกเข้ามาในเขตอุทยานฯ และป่าสงวนฯ อีกแห่ง ซึ่งกำลังรวบรวมเอกสารที่เราพบแล้ว โรงแรม รีสอร์ท ที่ถูกดำเนินคดี เพิ่งไปขอออก ส.ป.ก.เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมานี่เอง เราได้มาสัก 6-7 แปลง เป็น ส.ป.ก.4-01 ตอนนี้เรารวบรวมและทำรายงานเข้าไปที่กรมอุทยานฯ ซึ่ง ผอ.สำนักอุทยานฯ สั่งการให้รายงานให้ ถ้าเกิดเป็นกลุ่มบุคคลเดียวกันกับเขาใหญ่ ก็จะได้ส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. ในคราวเดียวกัน” นายประวัติศาสตร์กล่าว

หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน กล่าวว่า ทั้งนี้เชื่อว่าทั้ง 8,000 ไร่ มีการขอออก ส.ป.ก.4-01 ไปหมดแล้ว เผลอๆ เป็นหลายร้อยใบหรือกี่ใบก็ยังไม่รู้ เป็นการดำเนินการหลังจากที่อุทยานฯ ทับลานจับกุมดำเนินคดี ซึ่งทราบว่าเขาเพิ่งมาเริ่มกระบวนการออก ส.ป.ก. เมื่อปี 2559 มีการเดินสำรวจต่างๆ โดยเราได้แจ้งความดำเนินคดีไปอีกเมื่อปี 2560 แต่ตอนนี้เชื่อว่าออกเป็น 4-01 ไปหมดแล้ว เพราะเขาอ้างว่าเป็นพื้นที่ดำเนินการของเขา แต่เป็นการเข้ามาดำเนินการโดยไม่ตรวจสอบและไม่สนว่าเป็นพื้นที่ป่าหรือไม่