จากกรณีมีคดีเพื่อนบ้านบุกยึดบ้านร้างของอากู๋เหมทัศน์ ที่มีรั้วรอบขอบชิด ในซอยรามอินทรา 58 แยก 6-2 เจ้าของบ้านซื้อทิ้งไว้ ก่อนจะมอบให้หลานที่กำลังจะแต่งงาน โดยเพื่อนบ้านอ้างว่า ใช้สิทธิครอบครองปรปักษ์ เข้ามาต่อเติมทำออฟฟิศ เป็นข่าวดังเมื่อปลายปีก่อน แม้คดีนี้ศาลยังไม่ตัดสิน แต่กลับพบว่าเพื่อนบ้านกลับไปบุกยึดบ้านรอบ 2 ล่าสุด เพื่อนบ้านที่เป็นหญิงสาว ได้ใช้ผ้าขนหนูผูกคอตัวเองเสียชีวิตภายในห้องน้ำ นั้น…

เมื่อวันที่ 26 ก.พ. น.ส.อำนวยพร มณีวรรณ์ ทนายความฝ่ายเจ้าของบ้าน เปิดเผยว่า หลังทราบเรื่องการเสียชีวิตของอดีตคู่กรณีที่เข้าไปยึดของบ้านของลูกความ ก็รีบเดินทางมายัง สน.คันนายาว เพื่อสอบถามกับพนักงานสอบสวน โดยยังไม่ได้มีการพูดคุยกับลูกความ และญาติของฝ่ายอดีตคู่กรณีแต่อย่างใด จึงขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ความสูญเสียที่เกิดขึ้นด้วย

ช็อก ‘เพื่อนบ้าน’ คดีครอบครองปรปักษ์ ผ้าขนหนูผูกคอตัวเองเสียชีวิต

ส่วนการที่ทนายความของคู่กรณีได้ออกมาให้ข้อมูลว่า สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการที่ทางลูกความได้ใช้สื่อมวลชนกดดัน จนทำให้ผู้เสียชีวิตเกิดความเครียดจนฆ่าตัวตายนั้น โดยส่วนตัวเห็นว่าต่างคนก็ต่างทำหน้าที่ของตนเอง ไม่น่าจะเป็นการกดดันจนทำให้ผู้เสียชีวิตเกิดความเครียด  สำหรับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นนั้น เริ่มจากการที่ฝ่ายเจ้าของบ้านตัวจริงได้แจ้งความดำเนินคดีบุกรุกกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง 5 คน ที่เข้าไปยึดครองบ้านหลังดังกล่าว โดยในจำนวนนั้นมีผู้ตายอยู่ด้วย ซึ่งขณะนี้คดีอยู่ในชั้นการพิจารณาสั่งฟ้องของพนักงานอัยการ ซึ่งเบื้องต้นมีกำหนดจะสั่งฟ้องในวันที่ 6 มีนาคมนี้ แต่หลังจากที่หนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาเสียชีวิต ทางพนักงานอัยการก็จะสั่งไม่ฟ้องกับผู้เสียชีวิตรายนี้ จำหน่ายออกจากคดีไป ในส่วนนี้เป็นคดีในภาคแรก

ต่อมาก็เกิดเรื่องราวภาค 2 ขึ้น เมื่อหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหา ได้ไปยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อให้ออกคำสั่งครอบครองปรปักษ์กับบ้านหลังดังกล่าว เมื่อทางฝ่ายเจ้าของบ้านตัวจริงทราบเรื่อง จึงมอบอำนาจให้ทนายความไปยื่นเรื่องคัดค้านและฟ้องขับไล่ พร้อมกับเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่ง โดยคิดเป็นค่าเช่าเดือนละ 20,000 บาท ย้อนหลัง 6 ปี ซึ่งเป็นในส่วนของคดีแพ่ง ในส่วนของคดีอาญาทางเจ้าของบ้านตัวจริงได้ไปแจ้งความข้อหาบุกรุกกับคู่กรณี น.ส.ศรีพรรณ รายนี้เพียงคนเดียว ซึ่งผู้ตายไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีในภาค 2 แต่อย่างใด

ตนขออโหสิกรรม ตนเชื่อว่าอากู๋ก็รู้สึกอย่างตน และขอแสดงความเสียใจต่อกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมด ไม่คิดจะกดดัน หรืออะไรทั้งนั้น เพียงแต่ว่าทุกคนทำตามหน้าที่ของตัวเอง ตนก็ต้องรักษาสิทธิลูกความของตนที่สุดตามข้อเท็จจริง