จากกรณี Mr.Straumann Dieter Mathhias อายุ 62 ปี สัญชาติสวิสเซอร์แลนด์ ก่อเหตุทำร้ายร่างกาย น.ส.นัฎชนันท์ ขิกขำ อายุ 53 ปี ชาว จ.ตรัง ภายในห้างสรรพสินค้าจนได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยขณะนี้ยังคงรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ตรัง เหตุเกิดเมื่อวานนี้ (5 ก.พ.67) ที่ผ่านมา จนกระทั่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองตรัง ได้แจ้ง 2 ข้อกล่าวหากับผู้ก่อเหตุ คือ ทำร้ายร่างกายผู้อื่น ทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส และข้อหาขัดขืนเจ้าพนักงาน เนื่องจากผู้ก่อเหตุไม่ยินยอมที่จะเซ็นรับทราบข้อกล่าวหาและไม่พิมพ์ลายนิ้วมือ จนช่วงสายที่ผ่านมาของวันนี้ (6 ก.พ.67) ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใส่กุญแจมือควบคุมผู้ก่อเหตุส่งฝากขังศาล จ.ตรัง

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 6 มี.ค. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่บ้านของผู้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นบ้านเช่า ในพื้นที่หมู่ 10 ต.โคกหล่อ อ.เมืองตรัง พร้อมกับ นายวรวุฒิ หนูเรือง หรือ ผู้ใหญ่กุ๊งกิ๊ง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 บ้านโคกพลา ต.โคกหล่อ พบว่าสภาพบ้านเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ไม่มีใครอยู่อาศัย ปิดประตูด้วยแม่กุญแจปกติ 1 อัน และล็อกด้วยแม่กุญแจชนิดใส่รหัสผ่านอีก 1 ชิ้นอย่างแน่นหน้า ส่วนบริเวณโดยรอบบ้านพบว่ามีท่อนไม้เล็กใหญ่อยู่จำนวนมาก ตั้งกองไว้ระเกะระกะ และแขวนติดไว้กับผนังโดยรอบ ส่วนบริเวณหน้าบ้านพบรถยนต์เก๋ง 1 คัน และรถยนต์กระบะจอดอยู่อีก 1 คัน

นายวรวุฒิ กล่าวว่า จากการสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ ทราบมาว่าเจ้าตัวเป็นคนชอบระแวง และที่มีการพูดกันคือทะเลาะกับแฟนอยู่บ่อยครั้ง จนกระทั่งว่า ในวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานติดต่อกับแฟนของผู้ก่อเหตุมาสอบปากคำได้แล้ว ส่วนชาวบ้านในละแวกบอกว่า เจ้าตัวเป็นคนไม่สุงสิงกับใคร จะอยู่ในสังคมของตัวเอง โลกส่วนตัวสูง และเคยมีปัญหากับกำนันในพื้นที่เรื่องน้ำประปาที่ผ่านมา กลางคืนจะชอบเดินไปเดินมา ที่ผ่านมาไม่เคยทราบว่าเคยทำร้ายร่างกายใคร เพียงแค่ทราบว่าเคยทำร้ายภรรยา และแยกกันอยู่ แต่ตนไม่ขอยืนยันในส่วนนี้ว่าจะเป็นจริงหรือไม่อย่างไร

ส่วนทรัพย์สินของผู้ก่อเหตุนั้น ก็เท่าที่ทราบคือมีเงินในบัญชีธนาคารและมักจะหวง ตนก็ให้ความร่วมมือและประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ตลอดจนสามารถติดตามตัวภรรยามาสอบปากคำได้ ซึ่งในหมู่บ้านตนก็มีชาวต่างชาติมาอยู่อาศัยก็พอสมควร แต่ส่วนใหญ่จะมาซื้ออยู่ในหมู่บ้านจัดสรรไม่ต่ำกว่า 10 ครัวเรือน

 ขณะที่ นายดอย (นามสมมุติ) อายุ 55 ปี เพื่อนบ้านติดกัน กล่าวว่า ชาวสวิสเซอร์แลนด์รายนี้มาเช่าอยู่ที่บ้านหลังนี้นานกว่า 10 ปีแล้ว ไม่ค่อยจะสุงสิงกับใคร ส่วนนิสัยจะเป็นคนก้าวร้าวและหัวร้อนนิดหน่อย แม้กระทั่งต้นไม้ซึ่งอยู่ในที่ดินของเขาจะล้ม ก็มาโทษเราซึ่งบ้านอยู่ติดกัน หากมีเรื่องหรือปัญหาอะไรก็พยายามโทษคนอื่น ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีใครอยากจะปะทะกับเขา แต่ที่ผ่านมาก็ไม่เคยได้ยินเสียงทะเลาะอะไรกับภรรยา หรือเพราะเขาจะเข้ามาบ้านช่วงกลางคืน กลางวันจะไม่ค่อยอยู่บ้าน หากอยู่บ้านก็จะชอบทำงานไม้ ซ่อมรถ ในฐานะเป็นเพื่อนบ้านหลังจากรู้ข่าวว่าไปทำร้ายผู้หญิง ก็มีความรู้สึกว่า จากนิสัยของเขาที่เราเคยเห็น ก็คิดอยู่แล้วว่าสักวันจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น เพราะพวกเราเพื่อนบ้านก็พยายามหลบๆหลีกกับเขามาโดยตลอด แต่มุมมองส่วนตัวการที่เข้ามาอยู่ในบ้านเราประเทศเราแล้วมาทำแบบนี้มันก็ไม่ดี ซึ่งเป็นความรุนแรง และทำกับผู้หญิงอีก หากเขาหลุดจากคดีแล้วกลับมาอยู่บ้านนี้อีกตนก็ไม่ได้มีความหวาดกลัว แต่คิดว่าเขาเองมากกว่าที่น่าจะเป็นฝ่ายที่ไม่กล้าจะอยู่เอง และอีกอย่างทุกคนก็ระมัดระวังตัวอยู่ตลอด

ขณะเดียวกัน ในช่วงเย็นที่ผ่านมา นายวรวุฒิ ได้ติดต่อโทรศัพท์ไปยัง น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุประมาณ 60 ปี ภรรยาของชายชาวสวิสเซอร์แลนด์รายดังกล่าว โดยแจ้งว่ากำลังอยู่ที่ ศาล จ.ตรัง เพื่อจะมาติดต่อพบตัวและประกันตัว แต่ส่วนการประกันตัวนั้นตนไม่สามารถติดต่อกับเขาได้ เซโนกับตนทุกอย่าง อีกอย่างสามีถือบัตรเครดิต ไม่ได้ถือเงินสด และเขาไม่ยอมที่จะคุยกับตน เพราะก่อนหน้านี้ได้ทะเลาะกับตนมาก่อนแล้ว จนถึงตอนนี้ก็ไม่ให้ตนจัดการหรือทำอะไรให้สักอย่างเดียว และก่อนหน้านี้จะขอจบความสัมพันธ์กับตนและจะไม่ขอคุยอะไรกับตนสักอย่าง โดยปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ก็เป็นแค่เรื่องนิดหน่อย แต่มีใครไปเปิดข่าวหาว่าแฟนซ้อมตนทุกวัน โน้นนี่นั้น ซึ่งไม่มีความจริงสักอย่าง โดยเราอยู่กันมากว่า 16 ปี หากสามีซ้อมทำร้ายตนจะทนอยู่ทำไม และสามีไม่เคยสร้างปัญหาให้ใคร อยู่ในแบบฉบับของเขา

ส่วนตนคบกับสามีมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2552 ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน แต่เคยขอตนแต่งงาน แต่ตอนนั้นตนเพิ่งหย่ากับสามีคนเก่าก็เลยบอกว่าให้อยู่กันไปก่อน ไม่เคยมีปากเสียงกัน ไม่ได้มีลูกด้วยกัน แต่ตนมีลูกติดมา 2 คน ทางสามีก็เป็นคนส่งให้เรียนหนังสือ สามีก็ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ไม่เที่ยวกลางคืน และตนก็ไม่เข้าไปบ้านหลังนี้แล้ว เพราะสามีขอจบกับตนแล้ว ส่วนประเด็นที่ตนถูกทำร้ายร่างกายนั้นไม่เป็นความจริงขอแก้ข่าวด้วย สิ่งไหนที่สามีดีก็ว่ากันไปตามความจริง ต้องให้ความยุติธรรมกับเขาด้วย ส่วนนิสัยสามีเป็นคนชอบอยู่ป่า ชอบอยู่เงียบๆ โลกส่วนตัวสูง เหตุการณ์ที่สามีไปก่อเหตุเมื่อวาน(5 มี.ค.) ตนก็ไม่รู้เลยว่าเพราะอะไร หลังจากตำรวจติดต่อมาก็ยังมึนงง และยังมึนงงกับที่มีชาวบ้านบางส่วนว่าสามีชอบใช้ความรุนแรงกับตน ส่วนโรคประจำตัวตนไม่รู้ แต่ไม่เคยเห็นสามีเคยกินยาหรือรักษาโรคอะไรมาตั้งแต่ต้น

น.ส.เอ กล่าวว่า  ตนอยู่กับสามีที่บ้านหลังนี้มากว่า 10 ปี ไม่เคยแยกกันไปไหน แต่เพิ่งแยกกันได้เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา หลังจากเลิกและมีปัญหากัน หลังจากไปเที่ยวที่ กทม. โดยที่ตนกลับมาบ้านก่อน แต่ยังทิ้งสามีไว้ที่โน้น ที่ผ่านมาคนอื่นอิจฉาคู่เรามาก เพราะตนอยู่แบบสุขสบาย ไม่เคยทำงาน แต่งตัวสวย เดินตามหลังสามี ภายหลังจากนี้ความสัมพันธ์ก็น่าจะจบกันแล้ว เพราะสามีเซโน ไม่เอาตนแล้ว วันนี้ตนก็ไม่อยากให้สามีด่างพร้อยในเรื่องที่ไม่ได้ทำ ถ้าสามีร้ายจริงก็คงไม่ส่งลูกของตนให้จบปริญญาหรอก สุดท้ายตนไม่ขอเปิดเผยใบหน้า และชื่อแต่ขอชี้แจงและแก้ข่าว.