เมื่อวันที่ 13 มี.ค. จากกรณีเพจดัง “อีซ้อขยี้ข่าว” ได้นำเสนอภาพพระสงฆ์ในลักษณะยืนและที่เอวมีการเหน็บปืนพกสั้น พร้อมระบุข้อความว่า “ชายแทร่…โพสต์ยั่วชวนญาติโยมจองกฐิน ระบุแคปชั่นตึงมาตึงกลับไม่โกง ใส่สบงแล้วทรงพลัง…วัดเจริญธรรม บ้านโป่ง ราชบุรี”

ล่าสุดเช้าวันนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังพระมหาทวีศักดิ์ คุณธมฺโม เจ้าคณะอำเภอบ้านโป่ง ถึงกรณีดังกล่าวว่า ทางเจ้าคณะอำเภอได้รับแจ้งจากเจ้าคณะจังหวัดราชบุรีให้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่า ที่วัดดังกล่าวมีพระรูปที่ปรากฏในภาพทางโซเชียลจริง จึงได้ให้ทางเจ้าคณะตำบล ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ได้เข้าไปทำการตรวจสอบที่วัดเจริญธรรม ตั้งอยู่ในตำบลเขาขลุง อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ตามที่ปรากฏในภาพ และตรวจสอบว่าปืนกระบอกดังกล่าวเป็นปืนจริงหรือไม่ ซึ่งตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นปืนพลาสติกเด็กเล่น และได้ว่ากล่าวตักเตือน พร้อมทั้งทำการสึกทันที ขณะเดียวกันได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.บ้านโป่ง พร้อมอาวุธและเสื้อเกราะเข้ามาตรวจสอบพระรูปดังกล่าว

ต่อมานายมานะ ไวยาวัจกรวัดเจริญธรรม ได้นำปืนกระบอกที่ปรากฏในภาพที่มีการเผยแพร่ทางเพจดัง ชูให้กับทางผู้สื่อข่าวดู ซึ่งเป็นปืนพลาสติกเด็กเล่น ไม่ใช่ปืนจริงแต่อย่างใด พร้อมทั้งยืนยันว่าเป็นปืนกระบอกเดียวกับที่ปรากฏในภาพ

ส่วนทางด้าน พระสมุห์ ศิริมหาปัญโญ เจ้าอาวาสวัดเจริญธรรม ชี้แจงว่า ข้อความที่ปรากฏในเพจดังที่ระบุว่า มีการโพสต์ยั่วชวนญาติโยมจองกฐินนั้น ทางวัดไม่ได้มีการจัดงานกฐินในขณะนี้ ซึ่งงานกฐินได้จัดไปแล้วเมื่อปีที่ผ่านมา ขณะนี้ยังไม่ได้มีการจัดงานกฐินตามที่ได้มีการระบุไว้ในข้อความ อาตมภาพก็ขออภัยกับทางสื่อโซเชียลกับทางญาติโยม ที่ภาพของพระลูกวัด ได้ปรากฏตามในกระแสโซเชียลที่มีการพกปืนที่เอว ซึ่งปืนดังกล่าวเป็นปืนเด็กเล่นเป็นปืนพลาสติก ไม่ใช่ปืนจริงแต่อย่างไร ซึ่งพระรูปดังกล่าว ก็ทำไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์เท่านั้น

ขณะที่ นางจินดา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับแจ้งจากทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจังหวัดราชบุรี และทางอำเภอบ้านโป่ง ให้เข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าพระรูปดังกล่าว เป็นพระบวชใหม่ อายุ 30 ปี เป็นชาวบ้านในพื้นที่ของทางวัด ซึ่งได้บวชเมื่อวันที่ 25 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยมีกำหนดการบวชเป็นระยะเวลา 15 วัน และจะทำการสึกในวันพรุ่งนี้ (14 มี.ค.) และจากการตรวจสอบปืนกระบอกดังกล่าว พบว่าเป็นปืนเด็กเล่น เป็นปืนพลาสติก แต่เนื่องด้วยภาพที่ปรากฏไปนั้นไม่เหมาะสม ทำให้สังคมไม่สบายใจ จึงได้ประสานกับทางเจ้าอาวาส และให้พระรูปดังกล่าวทำการสึกในวันนี้เลย และได้มีการทำพิธีสึก เมื่อช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งได้ลาสิกขาเป็นที่เรียบร้อย และกลับไปอยู่บ้านตามปกติ

ทั้งนี้พระสงฆ์รูปดังกล่าวได้กล่าวต่อหน้าเจ้าอาวาสและพระอุปัชฌาย์ตนเอง พร้อมกล่าวขอโทษในสิ่งที่ทำไป ซึ่งรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เป็นการถ่ายภาพหยอกล้อกับเพื่อนในกลุ่มไลน์เท่านั้น แต่ไม่ทราบว่ารูปที่ถ่ายนั้นไปปรากฏในสื่อโซเชียลได้อย่างไร.