สถานการณ์ราคายางในปี 2567 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยางแผ่นรมควันชั้น 3 จากราคากิโลกรัมละ 57 บาท เมื่อช่วงต้นเดือนมกราคม 2567 ล่าสุดช่วงกลางเดือนมีนาคม 2567 ราคาพุ่งขึ้นทะลุ 90 บาทต่อกิโลกรัมไปแล้ว หรือถ้าหากเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 ราคายางในปีนี้ มีราคาสูงกว่าเฉลี่ยประมาณ 30 บาทต่อกิโลกนัม และที่สำคัญมีความเป็นไปได้ที่ราคาจะไต่ระดับขึ้นสู่ทะลุเลข 3 หลัก หรือกิโลกรัมละกว่า 100 บาท ตามที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ คาดหวังไว้ โดยที่รัฐบาลไม่ต้องแทรกแซงราคาตลาดยางพารา

รัฐบาลชุดปัจจุบันเริ่มบริหารงานมาตั้งแต่เดือนกันยายน 2566 ราคายางได้ไต่ระดับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน และน่าจะเป็นผลงานชิ้นโบแดงของรัฐบาลที่เห็นผลเป็นรูปธรรมมากที่สุด มีสาเหตุสำคัญมาจากอะไร แนวโน้มในอนาคตจะสดใสอีกนานแค่ไหน และจะเป็นราคาที่มีเสถียรภาพอย่างยั่งยืนหรือไม่?

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ราคายางพาราที่พุ่งสูงขึ้นนี้ เป็นผลจากมาตรการปราบปรามการลักลอบนำเข้ายางพาราเถื่อนอย่างเข้มงวดจริงจังของรัฐบาล โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้บูรณาการร่วมทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงพาณิชย์ ทหาร และตำรวจ ทำให้ไม่มียางนอกระบบหรือยางเถื่อนเข้ามาในประเทศ ผู้ใช้ยางจะต้องซื้อยางในระบบเท่านั้น ซึ่งมีจำนวนที่จำกัด ในขณะที่ความต้องการมีเพิ่มขึ้น ทำให้ราคายางพุ่งสูงขึ้นตามกลไกการตลาด หากนำมาวิเคราะห์เป็นตัวเงินแล้ว ราคายางที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว สามารถทำรายได้ให้เกษตรกรชาวสวนยางเพิ่มขึ้นรวมกันมากกว่าวันละ 210 ล้านบาท และถ้าตลอดทั้งปี ยางมีราคาอยู่ในระดับ 72 บาทขึ้นไป รายได้ของชาวสวนยางทั้งประเทศก็จะเพิ่มขึ้นรวมกันมากกว่าปีละ 76,650 ล้านบาทอย่างแน่นอน

ปัจจุบันราคายางได้ทะลุ 80 บาทต่อกิโลกรัมไปแล้ว รายได้ของเกษตรกรชาวสวนยาง มีรายได้รวมกันมากกว่าที่คาดการณ์ไว้อย่างแน่นอน ซึ่งจะทำให้เกษตรกรชาวสวนยางมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และมีรายได้ที่มั่นคง

ในขณะที่นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายเศรษฐา ทวีสิน ได้แสดงความดีใจที่ราคายางเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งกล่าวชื่อชมการทำงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กองทัพบก กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กรมศุลกากร  และผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด ที่ปราบปรามและป้องกันไม่ให้มีการลักลอบนำเข้ายางเถื่อน จนทำให้ยางมีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีของไทย ยังได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย ว่าไม่จำเป็นต้องนำเข้ายางจากเมียนมาหรือลาว ผ่านประเทศไทย เพราะไม่แน่ชัดว่าจะไปถึงมาเลเซียจริงหรือไม่ สินค้าอาจจจะถูกกระจายในประเทศไทย หากมาเลเซียมีความต้องการใช้ยางสูง สามารถติดต่อโดยตรงกับรัฐบาลไทย ซึ่งไทยพร้อมส่งยางให้ได้ทั้งหมด

อย่างไรก็ตามเฉพาะการปราบปรามการลักลอบนำเข้ายางพาราเถื่อนนั้น ไม่ได้เป็นเพียงปัจจัยเดียวที่ทำให้ราคายางเพิ่มขึ้น แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นปริมาณความต้องการใช้ยางทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากอุตสาหกรรมรถยนต์ ยอดการผลิตรถยนต์ทั่วโลกเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถยนต์ไฟฟ้าขยายตัวมากกว่า 10% ทำให้ความต้องการใช้ยางในการผลิตยางล้อรถยนต์เพิ่มขึ้นตามมาด้วย ในขณะที่สต๊อกยางโลกเริ่มลดลง และปริมาณยางใหม่ที่ออกสู่ตลาดมีจำนวนจำกัด นอกจากนี้นโยบายเกี่ยวกับยางของรัฐบาล ก็เป็นปัจจัยหลักที่สำคัญอีกปัจจัยหนึ่งที่มีส่วนทำให้ยางมีราคาเพิ่มขึ้นอย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืน

ดร.เพิก เลิศวังพง ประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทย (ประธานบอร์ด กยท.) คนใหม่ ได้เดินหน้าขับเคลื่อนนโยบาย 7 ด้านภายใต้แนวคิด “อยู่ได้ พอใจ ยั่งยืน” ให้เห็นผลเป็นรูปธรรม ประกอบด้วย 1.สร้างปัจจัยการผลิตแบรนด์ “การยาง” เพื่อลดต้นทุนด้านปัจจัยการผลิตให้กับเกษตรกรชาวสวนยาง โดยจะผลักดันให้ กยท. ทำปุ๋ยและเคมีภัณฑ์เกี่ยวกับการทำสวนยางที่ได้มาตรฐานภายใต้แบรนด์ “การยาง” เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและสร้างรายได้ให้กับองค์กร จำหน่ายในราคาถูก  

2.ติดอาวุธทางความรู้และเครื่องมือในการประกอบอาชีพให้เกษตรกรชาวสวนยาง โดยจะส่งเสริมถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มีศักยภาพและเหมาะสมสำหรับเกษตรกรชาวสวนยาง เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น 3.บริหารจัดการโรคใบร่วงอย่างจริงจัง โดยบูรณาการร่วมกับภาคเอกชน ค้นคว้างานวิจัย เทคโนโลยี นวัตกรรม เพื่อแก้ปัญหาโรคใบร่วงอย่างเป็นระบบ 4.ออก “โฉนดไม้ยาง” ทุกพื้นที่ทั่วไทย โดย กยท. จะเร่งทำการขึ้นทะเบียนต้นยาง เพื่อออกโฉนดไม้ยาง พร้อมทั้งปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรชาวสวนยางให้เป็นฐานข้อมูลในการบริหารจัดการอย่างเป็นเอกภาพ    

5.สร้างตลาดยางมาตรฐานเดียวกันทุกท้องถิ่นทั่วไทย เพื่อรองรับการบังคับใช้กฎหมาย EU Deforestation-free Products Regulation (EUDR) ของสหภาพยุโรป (EU) ที่จะมีผลบังคับใช้ในเดือนธันวาคม 2567 นโยบายในเรื่องนี้ของรัฐบาล ให้ความสำคัญเป็นกรณีพิเศษ โดยสั่งการให้ กยท. กำหนดเป็นนโยบายที่จะต้องดำเนินการโดยเร่งด่วน เพื่อที่จะเพิ่มโอกาสในการส่งเสริมและสนับสนุนให้ประเทศไทยสามารถขยายตลาดยางพาราในสภาพยุโรปได้มากขึ้น เหนือกว่าประเทศคู่แข่ง และทำให้ราคายางเพิ่มขึ้นอย่างมีเสถียรภาพกฎหมาย EUDR  เป็นกฎหมายว่าด้วยสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ 7 ประเภท ยางพาราก็เป็น 1 ใน 7 ประเภทดังกล่าว ที่จะต้องปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่า สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ว่า ยางพาราและผลิตภัณฑ์จากยางมาจากสวนยางที่มีเอกสารสิทธิถูกต้องตามกฎหมาย ไม่อยู่ในพื้นที่ต้นน้ำ พื้นที่อนุรักษ์ และพื้นที่ป่า รวมทั้งจะต้องมีการจัดการสวนยางพาราที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและไม่ส่งผลกระทบต่อสังคม ซึ่งในปัจจุบันมีประเทศผู้ส่งออกยางพาราที่สามารถย้อนกลับได้เพียง 2 ประเทศ คือ ประเทศไอวอรีโคสต์ และประเทศไทย สามารถตรวจย้อนกลับได้ประเทศละประมาณ 1 ล้านตัน รวม 2 ล้านตัน ในขณะที่สหภาพยุโรปมีความต้องยางพาราถึง 4 ล้านตัน ดังนั้นไทยจะต้องใช้โอกาสนี้ ในการขยายตลาดยางพารา

กยท. ได้ตั้งเป้าที่จะเพิ่มปริมาณยางพาราที่สามารถตรวจย้อนกลับถึงแหล่งกำเนิดจาก 1 ล้านตัน ให้ได้ 2 ล้านตัน ก่อนสิ้นปี 2567 และให้ได้ 3.5 ล้านตัน ภายในปี 2568 เพื่อรองรับความต้องการของสหภาพยุโรป และประเทศอื่นๆ ที่ซื้อยางจากประเทศไทยเพื่อนำเป็นแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ส่งไปขายในสหภาพยุโรป ซึ่งจะต้องดำเนินการตามกฎหมาย EUDR เช่นกัน ทั้งนี้หากทำสำเร็จ จะสามารถจำหน่ายยางพาราของไทยได้ในราคาที่สูงกว่าราคายางทั่วไปไม่ต่ำกว่า 4-5 บาทต่อกิโลกรัม และยังสามารถขาย Carbon Credit ได้อีกด้วย ซึ่งจะมีส่วนสำคัญที่จะผลักดันให้ประเทศไทยเป็น “ศูนย์กลางยางพาราและผู้กำหนดราคายางโลก” อย่างแน่นอน

กยท. จะดำเนินการยกระดับสร้างเครือข่ายตลาดประมูลท้องถิ่นของ กยท. กว่า 500 แห่งทั่วประเทศ ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ด้วยการนำระบบการซื้อขายประมูลยางพารารูปแบบ Digital Platform “Thai Rubber Trade” (TRT) มาใช้ในการประมูลซื้อขาย พร้อมนำเทคโนโลยี Block Chain เข้ามาใช้รองรับการตรวจสอบย้อนกลับข้อมูลแหล่งที่มาของผลผลิตยางพารา

6.ผลิตยางล้อแบรนด์ “การยาง” และผลิตภัณฑ์แปรรูปอื่นๆจากยางพารา เป็นอีกนโยบายที่รัฐบาลให้ความสำคัญ เพราะเป็นการเพิ่มปริมาณการใช้ยางในประเทศ โดยขณะนี้ กยท. ได้เจรจากับผู้ผลิตยางรายใหญ่ของไทยและต่างประเทศ ที่จะผลิตล้อยาง สำหรับรถยนต์ประเภทต่างๆ ทั้งรถปิกอัพ รถเพื่อการพาณิชย์ รถส่วนบุคคล และรถเพื่อการเกษตร ภายใต้ยี่ห้อ “การยาง” นอกจากนี้ ยังจะกำหนดเป็นนโยบายให้รถยนต์ของหน่วยงานราชการ ใช้ล้อยางดังกล่าวอีกด้วย  

นอกจากยางล้อรถยนต์แล้ว กยท. ยังผลิตหมวกยางพารานิรภัย รองเท้าบู๊ตยางพารา และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากยางพาราอื่นๆ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการขอ มอก. โดยจะมีการจัดตั้งโชว์รูมแสดงสินค้าและผลิตภัณฑ์จากยางพาราของ กยท. ในเร็วๆ นี้อีกด้วย ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดใช้วัตถุดิบยางจากเกษตรกรเป็นหลัก ซึ่งตั้งเป้าที่จะดูดซับปริมาณผลผลิตยางออกจากตลาดได้ไม่ต่ำกว่าปีละ 400,000 ตัน

รัฐบาลได้มุ่งเน้นที่จะสร้างเสถียรภาพให้กับยางพาราด้วยการเพิ่มปริมาณการใช้ยางภายในประเทศ นอกจากการนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ดังกล่าวแล้ว ยังได้เร่งขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมการใช้ยางพาราในหน่วยงานภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยางพาราในการทำถนนยางพาราซอยซีเมนต์ของหน่วยภาครัฐที่จะต้องทำถนน ซึ่งนอกจากจะเพิ่มปริมาณการใช้ยางได้ในปริมาณที่มากแล้ว ถนนยังมีความทนทานมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น สามารถป้องกันการซึมผ่านของน้ำได้ดี ลดการเกิดฝุ่นอีกด้วย หรือการนำยางไปทำพื้นสนามกีฬา ทำฝาย ทำบล็อกปูถนน เครื่องมือทางการแพทย์ เป็นต้น  ประธานบอร์ด กยท. กล่าว

7.ส่งเสริมสนับสนุนสถาบันเกษตรกรในการแปรรูปผลิตภัณฑ์ปลายน้ำ ที่มีศักยภาพสามารถต่อยอดได้ เน้นการทำตลาดแบบจริงจัง   พร้อมส่งเสริมให้ราคายางของ กยท. เป็นราคากลางของตลาดยางอย่างมีเสถียรภาพ

ผลงานการปราบปรามการลักลอบนำเข้ายางพาราเถื่อนอย่างเข้มงวดจริงจังของรัฐบาล ผนวกกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและสถานการณ์ยางในตลาดโลก ตลอดจนการดำเนินโยบายยางทั้ง 7 ด้านของรัฐบาล น่าจะพอการันตีได้ว่า สถานการณ์แนวโน้มราคายางและเป็นอย่างไร มีเสถียรภาพหรือไม่

แต่ที่แน่ๆ ราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 มีสิทธิไต่ระดับทะลุ 100 บาทต่อกิโลกรัม….ฟันธง!!!