เมื่อวันที่ 22 มี.ค. รัฐสภา พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และรักษาราชการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงสถานการณ์ภายในสำนักงานแห่งชาติ หลัง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ถูกคำสั่งให้มาช่วยราชการ ที่สำนักงานนายกฯ ว่าก็ไม่มีอะไร ทุกคนต้องตั้งใจทำงานตามนโยบายนายกรัฐมนตรี ที่สั่งเมื่อวันที่ 20 มี.ค. ส่วนเรื่องอื่นเราไม่มีความคิดเห็น เราจะทำงานตามที่นายกฯ สั่งการ เพราะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องเดินหน้า ทุกสิ่งทุกอย่างต้องดูแลพี่น้องประชาชน อะไรผิดกฎหมายต้องปราบปรามให้สิ้น

เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ลาราชการเพื่อเดินทางไปต่างประเทศ สามารถทำได้หรือไม่ เนื่องจากมีหมายเรียกทางคดีค้างอยู่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ตรงนั้นเป็นกระบวนการยุติธรรม ก็ว่าไปตามขั้นตอนของการสอบสวน ส่วนที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ลางานนั้น ตนไม่ขอมีความเห็น เพราะ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไปปฏิบัติงานที่สำนักนายกฯ แล้ว

เมื่อถามว่า ในฐานะรักษาราชการ ผบ.ตร. ยืนยันได้หรือไม่ว่า หลังจากนี้ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะไม่มีความขัดแย้งและจะมีแต่ความสามัคคี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ตนกำชับข้าราชการทุกคน ว่าหยุดการให้ข่าว ไม่วิพากษ์วิจารณ์ ทุกอย่างให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม และตั้งอกตั้งใจทำงานเพื่อให้เป็นที่ประจักษ์ต่อประชาชน และให้นายกฯ เห็นความสำเร็จจากนโยบายที่สั่ง ซึ่งนโยบายที่สั่ง ไม่ได้กระทบอะไรกับใคร โดยสั่งในเรื่องการปราบปรามผู้มีอิทธิพล รวมถึงการกระทำความผิดต่างๆ ที่กระทบกับความเป็นอยู่ของประชาชน

เมื่อถามว่า หลังจากนี้ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะไม่มีขั้ว “ต่อ-โจ๊ก” และจะรวมกันเป็นหนึ่งเดียวใช่หรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ตนย้ำไปว่า เราเป็นตำรวจ ที่มีหน้าที่ในการดูแลทุกข์สุขพิทักษ์สันติราษฎร์ “มีขั้วเดียวเท่านั้น คือขั้วตำรวจ เราเป็นขั้วเดียว มีตำรวจอย่างเดียว“

เมื่อถามย้ำว่า หากขั้วไหนไม่จบ จะมีการคาดโทษหรือเรียกมาตักเตือนหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ไม่ขอให้ความเห็นตรงนี้ดีกว่า ไม่อยากเข้าไปก้าวก่ายในเรื่องแบบนี้ ตนขอตั้งใจทำงานในระยะเวลาที่รักษาการ ซึ่งก็อาจจะมีคำสั่งให้ทั้งสองท่านกลับมาก็ได้ อย่าเพิ่งไปคิดอะไรไกลถึงขนาดนั้น

เมื่อถามว่า จะเป็นการเอาตัวเองมาสานต่อ ทำงานต่อใช่หรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ว่าไปนั่น ส่วนทั้งสองท่านจะกลับมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือไม่ ก็แล้วแต่ผู้บังคับบัญชาจะพิจารณา ส่วนตัวขอทำงานในหน้าที่ตน