สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 23 มี.ค. ว่า กองทัพยูเครนรายงานว่า กองทัพรัสเซียยิงขีปนาวุธเกือบ 60 ลูก และใช้โดรนพิฆาตของอิหร่านอีกมากกว่า 60 ลำ โจมตีโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานหลายแห่งในยูเครน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกมากกว่า 20 คน


หลังเกิดเหตุ มีรายงานกระแสไฟฟ้าดับในเมืองคาร์คิฟ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของยูเครน ขณะที่ประชาชนอีกมากกว่า 53,000 ครัวเรือน ในเมืองโอเดสซา ที่เป็นเมืองท่าริมชายฝั่งทะเลดำ ทางตอนใต้ของยูเครน ไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้เช่นกัน

บรรยากาศมืดมิดเพราะไฟดับ ที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติ คาราซิน คาร์คิฟ ในเมืองคาร์คิฟ ทางตะวันออกของยูเครน


ด้านประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ยิ่งเน้นย้ำ “ความจำเป็นเร่งด่วน” ในการที่ตะวันตกต้องเดินหน้ามอบความสนับสนุนให้แก่ยูเครนมากกว่านี้ ซึ่งรวมถึงการมอบระบบป้องกันทางอากาศแบบระยะไกล


ขณะที่แถลงการณ์โดยกระทรวงกลาโหมรัสเซียยืนยัน การโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยุเครนจริง เพื่อตอบโต้ที่อีกฝ่ายปฏิบัติการข้ามพรมแดนรัสเซียหลายครั้ง ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา


ในเวลาเดียวกัน นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า สถานการณ์สู้รบกับยูเครนตอนนี้ ถือว่ารัสเซีย “อยู่ในภาวะสงคราม” ซึ่งเป็นครั้งแรกอย่างเป็นทางการ ที่รัฐบาลมอสโกใช้คำดังกล่าว เนื่องจากตลอดระยะเวลานานกว่า 2 ปีที่ผ่านมา รัสเซียกล่าวว่า การสู้รบกับยูเครนคือ “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร”.

เครดิตภาพ : AFP