เมื่อวันที่ 23 มี.ค. นายชีวะภาพ ชีวะธรรม หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า เดือนพ.ค. นี้ ตนตั้งใจจะลาออกจากราชการ ซึ่งอีกไม่กี่เดือนก็จะเกษียณอายุแล้ว แต่ยังมีความตั้งใจ มีจิตวิญญาณที่รักและหวงแหนในผืนป่าอยู่ คิดว่า ยังมีประตูบานอื่นๆ ที่ให้ตนสามารถเข้าไปทำงานทางด้านนี้มากกว่านี้ คิดว่าประตูอีกบานที่จะทำให้ตนสามารถทำงานได้คือ การลงสรรหาสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่ จ.สิงห์บุรี

“ผมเป็นคนที่นี่ เป็นคนบางระจัน คนบางระจันเป็นคนกล้าหาญ ซึ่งนอกจากการใช้ความรู้ความสามารถแล้ว การทำงานด้านนี้ทุกวันนี้ ต้องใช้ความกล้าหาญด้วย เพื่อต่อสู้กับขบวนการ และกลุ่มทุน ที่ไม่หวังดี และคิดจะฮุบสมบัติชาติ” นายชีวะภาพ กล่าว

เมื่อถามว่าที่ลาออกนั้น เป็นเพราะผิดหวังกับระบบราชการ โดยเฉพาะของกรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช หรือไม่ นายชีวะภาพ กล่าวว่า คิดว่าศักยภาพหลังจากนี้ของตน ยังสามารถทำงานทางด้านการดูแลปกป้องทรัพยากรป่าไม้ได้อยู่และจะได้มากกว่านี้หากไปอยู่ตรงนั้น

นายชีวะภาพ กล่าวว่า จากสถานการณ์ป่าไม้ล่าสุด ที่วิเคราะห์โดยการแปลข้อมูลภาพถ่ายทางอากาศ ปี 2566 พบว่า ป่าไม้ลดลง 3 แสนไร่เศษๆ ภายในเวลา 1 ปี เป็นตัวบ่งบอกว่ามีการบุกรุกป่าสมบูรณ์โดยเฉพาะ ไม่หยุด และจะน่าตกใจกว่านั้น หากได้เฉลี่ยออกมาแล้วพบว่า ในจำนวน 3 แสนกว่าไร่ที่หายไปในเวลา 1 ปีนั้น ป่าบ้านเราหายไป ตกเดือนละ 3 หมื่นไร่ หรือถ้าคิดเป็นวัน ก็ตกวันละ 1,000 ไร่ หรือประมาณ 200 สนามฟุตบอล อันนี้เป็นข้อมูลที่ผ่านการตรวจสอบโดยเครื่องของคนทำงานมืออาชีพอย่างคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยข้อมูลนี้ แสดงให้เห็นทิศทางข้างหน้าว่า จะมีการบุกรุกเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อถามว่า สาเหตุหลักของการที่ป่าหายไปมากเช่นนี้เป็นเพราะอะไร นายชีวะภาพ กล่าวว่า มีทั้งนายทุน และชาวบ้าน ที่เข้าไปทำลายป่า อีกส่วนหนึ่ง การเอาที่ที่ดินไปทำ ส.ป.ก. และ คทช. ซึ่งโครงการนี้ โดยหลักการแล้วถือว่าดี ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีที่ดินทำมาหากิน โดยเข้าไปบุกรุกพื้นที่ป่า แต่พวกนี้ก็ยังมีช่องว่าง ที่ทำให้เจตนารมณ์ของโครงการเปลี่ยนไป จึงต้องมาทบทวนว่า จะต้องทำอย่างไร จัดการกับพวกที่พยายามใช้ช่องว่างฉกฉวยผลประโยชน์อย่างไร

เมื่อถามว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้น ทั้งกรมป่าไม้และกรมอุทยานแห่งชาติฯ เคยทำให้ป่าไม้ในประเทศไทยเพิ่มขึ้นบ้างหรือไม่ นายชีวะภาพ กล่าวว่า ครั้งหนึ่งเมื่อปี 2560-2561 คนป่าไม้เฮกันมาก เพราะพื้นที่ป่าเพิ่มขึ้นมาถึง 3 แสนไร่ สมัยนั้น มีนายธีรภัทร ประยูรสิทธิ เป็นอธิบดีกรมป่าไม้ และส่งต่อให้นายชลธิศ สุรัสวดี เป็นอธิบดีฯ ต่อ ขณะนั้นมีคำสั่ง คสช. เป็นแผนแม่บทแห่งชาติเรื่องการเพิ่มพื้นที่ป่าด้วย

“เราทำได้ไม่ใช่ทำไม่ได้ เรื่องการเพิ่มพื้นที่ป่า เพราะครั้งหนึ่งเราทำได้แล้ว ตอนนั้น จังหวัดที่พื้นที่ป่าเพิ่มมากที่สุดคือ เพชรบูรณ์ รองลงมาคือ ชัยภูมิ และหลังจากนั้น ป่าก็ลดลงมาอีก แต่เป็นปีละหลักหมื่น แล้วก็มาช็อกหนัก เมื่อปีเดียวลดลง 3 แสนไร่ ตอนนี้ เวลานี้ ป่าไม้เหลือประมาณ 101 ล้านไร่แล้ว” นายชีวะภาพ กล่าว.