สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 26 มี.ค. ว่า คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) มีมติเสียงข้างมาก 14 เสียง รับรองมติ “เรียกร้องการหยุดยิงทันทีในฉนวนกาซา” ตลอดช่วงเวลาที่เหลือของเดือนรอมฎอน เพื่อปูทางสู่การหยุดยิง “อย่างยั่งยืนและถาวร” การปล่อยตัวประกันที่ยังเหลือทุกคนทันที “โดยปราศจากเงื่อนไข” และการเพิ่มการส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าสู่ฉนวนกาซา


ทั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่สงครามในฉนวนกาซาปะทุ เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2566 ที่ยูเอ็นเอสซีมีมติเรียกร้องการหยุดยิงในฉนวนกาซา โดยการผ่านมติครั้งนี้เกิดขึ้น หลังสหรัฐซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกถาวรของยูเอ็นเอสซี งดออกเสียง


ด้านนายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เรียกร้องทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติตามมติของยูเอ็นเอสซี ขณะที่นายริยาด มานซูร์ เอกอัครราชทูตปาเลสไตน์ประจำยูเอ็น แสดงความหวังว่า มติของยูเอ็นเอสซีครั้งนี้ “จะเป็นจุดเปลี่ยน” ให้กับสงครามในฉนวนกาซา ซึ่งคร่าชีวิตประชาชนในฉนวนกาซาไปแล้วมากกว่า 32,000 ราย และภาคเหนือของฉนวนาซา “อยู่บนปากเหวของวิกฤติอดอยาก”


ส่วนกลุ่มฮามาสออกแถลงการณ์แสดงความยินดีกับมติหยุดยิงของยูเอ็นเอสซี และยืนยันความพร้อมปล่อยตัวประกัน แลกเปลี่ยนกับการที่อิสราเอลต้องปล่อยนักโทษชาวปาเลสไตน์


อย่างไรก็ตาม ทำเนียบรัฐบาลอิสราเอลออกแถลงการณ์ ยกเลิกการส่งคณะผู้แทนเยือนกรุงวอชิงตัน ตามคำขอของรัฐบาลวอชิงตัน ซึ่งต้องการหารือเกี่ยวกับแผนปฏิบัติการของอิสราเอล ในเมืองราฟาห์ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดทางตอนใต้ของฉนวนกาซา ด้านทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ “สับสนและผิดหวัง” กับท่าทีดังกล่าวของอิสราเอล


ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล กล่าวว่า การที่สหรัฐงดออกเสียง “สร้างความเจ็บปวด” ให้กับความพยายามในสมรภูมิ และการหาทางช่วยเหลือตัวประกัน และชัดเจนว่า รัฐบาลวอชิงตัน “ถอยหนี” จากจุดยืนของตัวเอง


นายโยอาฟ กัลลันต์ รมว.กลาโหมอิสราเอล กล่าวว่า อิสราเอลไม่อาจหยุดยั้งสงครามครั้งนี้ได้ ตราบใดที่ตัวประกันยังคงถูกควบคุมตัวอยู่ในฉนวนกาซา.

เครดิตภาพ : AFP