จากกรณีประธานคณะทำงานเครือข่ายภาคประชาสังคมในการต่อต้านการทุจริต ปปท.เขต 4. จ.กาฬสินธุ์ และที่ปรึกษาฝ่ายวิชาการ คณะกรรมาธิการ จ.กาฬสินธุ์ (กธจ.) ติดตามความคืบหน้าแนวทางแก้ปัญหาโครงการรับเหมาก่อสร้างระบบท่อระบายน้ำแก้ปัญหาน้ำท่วมเมืองกาฬสินธุ์ งบ 148 ล้านบาท และอีก 7 โครงการงบประมาณรวมกว่า 500 ล้านบาท ขณะที่กรมโยธาฯ แจงเบื้องต้นจะยกเลิกสัญญา 1 โครงการ คือโครงการรับเหมาก่อสร้างระบบท่อระบายน้ำแก้ปัญหาน้ำท่วมเมืองฯ งบ 148 ล้านบาท ด้านชาวบ้านเรียกร้องให้กรมโยธาฯ โชว์หลักฐานเลิกสัญญาต่อสาธารณชน รวมทั้งให้ขึ้นแบล็คลิสต์ และยกเลิกโครงการสร้างตลิ่งหน้าวัดใต้โพธิ์ค้ำ งบ 108 ล้านอีก 1 โครงการ เนื่องจากเป็นผู้รับเหมารายเดียวกัน และทำงานไม่เสร็จ เกินกำหนดสัญญา

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 7 เม.ย. นายชาญยุทธ โคตะนนท์ ประธานคณะทำงานเครือข่ายภาคประชาสังคมในการต่อต้านการทุจริต ปปท.เขต 4. จ.กาฬสินธุ์ และที่ปรึกษาฝ่ายวิชาการ คณะกรรมาธิการ จ.กาฬสินธุ์ (กธจ.) กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 19 มี.ค.67 เป็นต้นมา หลังจากที่ คณะธรรมาภิบาล จ.กาฬสินธุ์ ได้ร่วมกับ ปปท.เขต 4 และ ปปช.ประจำ จ.กาฬสินธุ์ ลงพื้นที่สอดส่องการก่อสร้างโครงการก่อสร้างระบบท่อประปาป้องกันน้ำท่วมเมืองฯ งบ 148 ล้าน และโครงการสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งแก่งดอนกลาง งบ 39 ล้าน ซึ่งทำงานล่าช้า ทั้งนี้ ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน และผู้ประกอบการมานานถึง 5 ปีว่า มีการทิ้งงาน และทิ้งปัญหาให้ชาวเมืองกาฬสินธุ์เผชิญ หลังจากวันนั้นมีรายงานว่าอธิบดีกรมโยธาฯ มีมาตรการที่จะดำเนินกับผู้รับเหมารายดังกล่าวแล้ว ทั้งจะยกเลิกสัญญา 1 โครงการ และจะขึ้นแบล็กลิสต์กับผู้รับเหมาที่ไม่ทำตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ แต่ถึงวันนี้ยังไม่มีความชัดเจนอะไร เพราะยังไม่เห็นประกาศเป็นทางการออกมา

นายชาญยุทธกล่าวอีกว่า ในช่วงที่รอคอยชัดเจนจากอธิบดีกรมโยธาฯ คณะธรรมาภิบาล จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งได้ลงพื้นที่สอดส่องทั้ง 8 โครงการ และรับฟังปัญหากับชุมชน ทราบว่ากรมโยธาฯจัดมาลงพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ช่วงปี 62-65 ทั้งหมด 8 โครงการ งบประมาณกว่า 558,281,000 ล้านบาท ซึ่งทุกโครงการมาในลักษณะเดียวกัน คือเป็นงบประมาณของกรมโยธาฯ และได้ผู้รับเหมาที่ชนะการเสนอด้วยวิธีการประกวดราคาอีเลคทรอนิคส์หรืออีบิดดิ้ง และมีปัญหาเดียวกันคือทำงานช้ากว่ากำหนด แต่ได้รับการขยายเวลา และถูกปรับ 0 บาท มีการเบิกจ่ายเงินงวดงานไปแล้วประมาณ 204,871,250 บาท

“ทั้งนี้ คณะธรรมาภิบาลฯ มีข้อมูลครอบคลุมทุกด้านอย่าง และได้รายงานต่อสำนักนายกรัฐมนตรีไปแล้วบางส่วน ในลำดับจากนี้ไปก็จะได้รวบรวมพยานหลักฐาน ส่ง ปปช.-ปปง.-สตง.-ดีเอสไอ รวมทั้งข้อร้องเรียนของชาวบ้าน ผู้ประกอบการ ผู้รับเหมารายย่อย เพื่อยื่นต่อกรรมาธิการ ปปช.และกรรมาธิการ ปปง. ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง และพิจารณาคุณสมบัติผู้รับเหมาและส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป เพื่อให้ความเป็นธรรมกับพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน โดยคาดว่าหลังสงกรานต์จะมีความชัดเจนมากขึ้น ทั้งในส่วนของการดำเนินการกับผู้รับเหมา การเยียวยาชาวบ้านและผู้รับเหมารายย่อย ที่ได้รับผลกระทบ” นายชาญยุทธกล่าว

ขณะที่ชาวบ้านชุมชนซอยน้ำทิพย์ เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ รายหนึ่ง กล่าวว่า เห็นโครงการก่อสร้างป้องกันตลิ่งมาในพื้นที่ตนและชาวบ้านก็ดีใจ เพราะเป็นโครงการที่ดี คาดว่าต่อไปนี้กระแสน้ำลำปาวจะไม่กัดเซาะที่ดิน และเอ่อท่วมในฤดูฝนเหมือนทุกปีที่ผ่านมา แต่การทำงานของคนงานดูล่าช้ามาก มาทำงานไม่กี่วันก็หายไป 5-6 เดือนถึงกลับมาอีก งานก็ไม่เสร็จสักที แถมยังเปิดหน้าดินริมถนนไว้เป็นแนวยาว ทำให้เกิดอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชนกันบาดเจ็บบ่อยครั้ง การทำงานที่ไม่ต่อเนื่องของโครงการฯ ที่ค้างคามานาน ทิ้งหลักฐานไว้เพียงเสาเข็มเป็นแนวยาว จึงอยากให้กรมโยธาฯที่เป็นเจ้าของงบประมาณ มีมาตรการเร่งรัดและเด็ดขาดกับผู้รับเหมา เพราะชาวบ้านเดือดร้อนมาก และกลัวว่าจะสูญเสียงบประมาณแผ่นดินไปโดยเปล่าประโยชน์

ด้านคนงานก่อสร้างตอกเสาเข็ม โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำปาว ซอยน้ำทิพย์ เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ รายหนึ่ง เปิดเผยว่า จุดที่ตนมารับจ้างดังกล่าว มีความยาว 937 เมตร งบประมาณ 59,350,000 บาท มาทำงานประมาณกลางปี 66 ที่ผ่านมาทราบว่านายจ้าง เป็นเพียงผู้รับเหมารายย่อย รับช่วงงานต่อจากผู้รับเหมารายใหญ่ มีปัญหาการเบิกจ่ายเงินงวดงานมาตลอด ตนและคนงานก็ได้แต่ทุกข์ใจและอดทน เพราะเงินค่าแรงไม่ได้ตามกำหนด ตลอดปีที่ผ่านมาไม่ต่างกับทำงานฟรี เห็นแต่นายจ้างไปหากู้เงินจากที่อื่นมาสำรองจ่าย และซื้ออาหารกินไปวัน ๆ เท่านั้น ตอนนี้ก็ยังไม่ได้ค่าแรงแต่อย่างใด เฉลี่ยที่ค้างจ่ายประมาณ 3 หมื่นบาท ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้รับเหมารายใหญ่ จึงไม่จ่ายเงินให้ตามงวดงาน

อย่างไรก็ตาม จากกรณีกรมโยธาฯ จะยกเลิกสัญญากับผู้รับเหมารายดังกล่าว ซึ่งหากเป็นเรื่องจริงก็จะส่งผลกระทบต่อสถานะของผู้รับเหมา และเกิดเหตุการณ์ล้มบนฟูกได้ จึงเป็นความหนักใจของผู้รับเหมารายย่อย ที่รับช่วงงานต่อจากผู้รับเหมารายดังกล่าว ที่ยังไม่เงินค่าจ้างตามงวดงาน และโอกาสที่จะได้เงินค่าจ้างยิ่งมืดมนยิ่งขึ้น แถมยังต้องแบกรับภาระหนี้สินที่กู้ยืมมาสำรองจ่ายค่าแรงลูกน้อง รวมทั้งค่าวัสดุ อุปกรณ์การก่อสร้างเป็นจำนวนมากอีกด้วย ล่าสุด มีรายงานว่าผู้รับเหมารายย่อยกลุ่มดังกล่าวประมาณ 50 คน กำลังรวบรวมหลักฐาน เช่น สัญญารับช่วงงาน ภาพถ่ายขณะทำงาน บันทึกการพูดคุยในประเด็นที่สำคัญ ที่ผู้รับเหมาขาใหญ่บ่ายเบี่ยงไม่ยอมจ่ายเงินค่าจ้างตามงวดงาน เพื่อเป็นข้อมูลนำปรึกษาฝ่ายกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม รวมทั้งกรมแรงงาน ในการติดตามทวงเงินค่าจ้าง และแจ้งความดำเนินคดี ฐานฉ้อโกงแรงงานต่อไป.