เมื่อปีที่แล้ว ลูซี โรบิน วัย 35 ปี คลอดลูกฝาแฝดชายหญิงคือ “โซฟี” และ “แซมมี” แต่ลูกชายของเธอต้องอยู่ในหอผู้ป่วยวิกฤติสำหรับเด็กแรกเกิดเป็นเวลานานถึง 9 วันเพราะตอนที่คลอดออกมานั้น หัวใจของเขาไม่ทำงาน

ในที่สุดโรงพยาบาลก็ยินยอมให้เด็กชายกลับมาพักฟื้นที่บ้าน แต่ผู้เป็นแม่ยังคงกังวลอยู่ลึก ๆ สัญชาตญาณของเธอบอกว่าสุขภาพของลูกชายคนนี้ยังไม่ปกติ

โรบิน และ ลูกชาย
โรบินกับลูกฝาแฝด

เมื่อ แซมมี อายุได้ 17 วัน โรบินเล่าว่า เธอพาเขาเข้านอน จากนั้นเธอก็หลับบ้าง แต่ไม่นานนัก เธอก็สะดุ้งตื่นแบบกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่งบนที่นอนแบบฉับพลันโดยไม่รู้สึกงัวเงีย พร้อมทั้งได้ยินเสียงเหมือนคนพูดในหัวที่สั่งให้เธอลุกขึ้นไปดูลูกชาย

เมื่อ โรบิน ไปดูลูกก็พบว่า แซมมี ตัวเขียวไปแล้ว มือของเขาเย็นมาก นอกจากนี้เธอยังสังเกตเห็นเลือดหยดเล็ก ๆ ตรงจมูกของเด็กชาย เธอรีบปลุกสามีและบอกเขาว่า แซมมี คงเสียชีวิตแล้ว แต่เธอก็คิดว่าตัวเองจะต้องทำอะไรสักอย่าง

โรบิน ลงมือปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วยการทำ CPR (ผายปอด-ปั๊มหัวใจ) ให้เด็กชาย ขณะที่สามีของเธอรีบโทรฯ เรียกรถพยาบาลฉุกเฉิน ซึ่งใช้เวลา 7 นาที กว่าจะมาถึงบ้านของพวกเขา 

ถึงตอนนั้น โรบิน บอกว่า แซมมี กลับมาหายใจได้แล้ว แต่ยังไม่ปกติ โดยเด็กชายจะสูดลมหายใจทุก ๆ 30 วินาที ระหว่างที่ทั้งตำรวจและทีมกู้ชีพฉุกเฉินเข้ามาเต็มบ้านของเธอ

แซมมี ต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลถึง 1 เดือนเต็ม โดยที่ทีมแพทย์ก็ไม่สามารถระบุได้ว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เด็กชายเกิดอาการหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันขึ้นมา 

ฝาแฝดทั้งสอง

ตอนนี้ แซมมี และ โซฟี เพิ่งได้ฉลองวันเกิดครบขวบปีแรกของพวกเขาไป ขณะที่ โรบิน หวังว่าเรื่องราวของเธอจะช่วยให้คนตระหนักรู้ถึงความสำคัญในการเรียนรู้และฝึกหัดวิธีปฐมพยาบาลแบบ CPR โดยเฉพาะคนที่เป็นพ่อแม่ เผื่อว่าจำเป็นจะต้องทำเพื่อช่วยชีวิตลูก ๆ ในยามฉุกเฉิน

ที่มา : people.com

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES, LUCY ROBIN