เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 21 เม.ย. ที่สโมสรราชพฤกษ์ ถนนวิภาวดีรังสิต พรรครวมไทยสร้างชาติ  (รทสช.) จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี ครั้งที่ 1/2567  โดยจะมีคณะกรรมการบริหารพรรคเข้าร่วมประชุม อาทิ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค รทสช. นายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรค นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี  ประธานที่ปรึกษาพรรค  น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม นายอนุชา นาคาศัย รมช.เกษตรและสหกรณ์  นายสุชาติ ชมกลิ่น นายธนกร หวังบุญคงชนะ  รองหัวหน้าพรรค นายชัชวาลล์ คงอุดม สส.บัญชีรายชื่อ นอกจากนี้ ยังมีคณะกรรมการสาขาพรรค ตัวแทนพรรคประจำจังหวัด และสมาชิกพรรคเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

โดยนายพีระพันธุ์  กล่าวเปิดการประชุมว่า เราไม่ลืมกล่าวขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตสมาชิกพรรคในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งพรรค การที่พรรคเลือกสโมสรราชพฤกษ์ จัดการประชุมครั้งนี้เพื่อให้สมาชิกพรรคได้กลับมาที่นี้อีกครั้ง หลังเป็นจุดเริ่มต้นในการประชุมก่อตั้งพรรคที่นี่ เมื่อปี 2566  และพรรคจะเดินหน้าต่อด้วยความมั่นคง  แม้จะเป็นน้องใหม่ นอกสายตา แต่การเลือกตั้งที่ผ่านมา ก็ได้ สส.ถึง 36 คน ซึ่งเป็นกำลังหลักที่ทำให้พรรคมาถึงได้ในทุกวันนี้ เพราะลุงตู่ ซึ่งพวกเราไม่เคยลืม และด้วยเหตุผลความจำเป็นที่ท่านต้องไปทำงานที่ใหญ่กว่า ภาระจึงตกมาอยู่ที่ตนและสมาชิกทุกคน ว่าทำอย่างไรจะทำให้พรรค รทสช.เดินไปอย่างแข็งแกร่ง เป็นที่ยอมรับมากขึ้น และเมื่อลุงตู่พ้นตำแหน่งไปแล้ว ได้เห็นผลงานและความตั้งใจทำงานด้วยความซื่อสัตย์ทุกคนต้องเก็บดีเอ็นเอของลุงตู่ไว้เป็นของรวมไทยสร้างชาติ เพื่อให้พรรคมั่นคง แต่จะทำอย่างไร ให้ประชาชนเชื่อได้ว่า เป็นพรรคของประชาชน สู้ทุกปัญหา พึ่งพาได้เป็นจริง และพรรคเดินมาด้วยความมั่นคง และจะเดินต่อไป โดยจะสืบทอดตามแนวทางของพล.อ.ประยุทธ์ ในเรื่องการตั้งใจทำงาน ซึ่งตนเชื่อว่าการเดินมาในแนวทางนี้จะเห็นความตั้งใจในการทำงานและผลงานของพรรค รทสช. ที่จะทำให้พรรคแข็งแกร่งกว่านี้ในการเลือกตั้งครั้งหน้า เพื่อให้พรรคชนะการเลือกตั้ง  ปลดพันธนาการ และลดภาระประชาชน โดยตนและกรรมการบริหารพรรค จะสร้างผลงานให้มากขึ้นกว่าปีที่แล้ว    

จากนั้นนายเอกนัฏ  กล่าวเสริมว่า แรงบันดาลใจทางการเมืองของตน หากพูดไปแล้วใครไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ นักการเมืองที่ตนได้ฟังคำปราศรัยคนแรกในชีวิตคือ นายพีระพันธุ์ ที่ตอนนั้นลงสมัคร สส.กทม. แต่ตนเชื่อว่าเมื่อชะตาลิขิตแล้ว เรา 2 คนทำอะไรด้วยกันมันก็จะเกิดความสำเร็จ จากพรรคการเมืองที่ถูกปรามาสว่าจะมี สส.แม้แต่คนเดียวหรือเปล่า แต่วันนี้ได้รับคะแนนเสียงจากการเลือกตั้ง 5 ล้านเสียง ซึ่งถือว่ามากสุดสำหรับพรรคการเมืองหนึ่งที่ตั้งขึ้นใหม่ และมี สส. 36 ที่นั่ง สานต่อจิตวิญญาณของลุงตู่ แต่ตนก็เชื่ออีกว่านายพีระพันธุ์ เป็นคนที่มีวาสนา ซึ่งตนจะขอทำหน้าที่ในฐานะด้อมของนายพีระพันธุ์ เพื่อปั้นนายกรัฐมนตรีที่ชื่อพีระพันธุ์ แต่เราไม่หวังให้เป็นนายกรัฐมนตรีส้มหล่น ไม่เอา เที่ยวนี้เรามี สส. เพียง 36 ที่นั่ง เราก็ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด เราไม่หวังให้นายพีระพันธุ์ มาเป็นนายกฯส้มหล่นในรอบนี้ แต่ตนหวังว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไป ขอให้เราสู้ช่วยกัน 36 ที่นั่งไม่พอที่จะเสนอและตั้งนายกรัฐมนตรีได้ แต่ 250 ที่นั่งคือเป้าหมาย ฉะนั้นขอให้ทุกท่านช่วยกัน 

ส่วนกระแสข่าวปรับ ครม. นั้น นายเอกนัฏ กล่าวว่า ตนได้พูดคุยกับหัวหน้าพรรค รทสช. ว่าพรรคเดินมาด้วยระบบกลไกที่มีมาตรฐาน ดังนั้นวันนี้ไม่ต้องไปฟังข่าวลือในเรื่องต่างๆ ที่สื่อคาดการณ์กัน ทั้งชื่อรัฐมนตรี แล้วว่าที่รัฐมนตรีทั้งหลาย วันนี้มาอยู่ที่นี่พร้อมกันหมด ตนยืนยันว่าพรรคเดินมาถึงวันนี้ได้เพราะความเสียสละ เพราะฉะนั้นรัฐมนตรีและ สส. ทุกคนไม่มีใครติดและยึดกับตำแหน่ง ซึ่งหัวหน้าพรรคก็พูดเสมอว่าไม่ยึดติด เพราะฉะนั้นผู้ที่มีตำแหน่งทั้งหมด ขอให้สำนึกว่าเรามาจากพี่น้องประชาชน และทำงานเข้มแข็งให้กับประเทศชาติบ้านเมือง

ทั้งนี้ที่ประชุมพรรคได้พิจารณาวาระรับรองรายงานการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ครั้งที่ 1/2566 / รับรองงบการเงินประจำปี 2566 ครั้งที่ผ่านมา และพรรค รทสช. ยังเปิดตัว ทีม “อาสามาด้วยใจ” ซึ่งเป็นการรวมตัวของกลุ่มคน อาทิ อินฟลูเอนเซอร์ นักวิชาการ คนรุ่นใหม่  ที่ต้องการเป็นที่ต้องการมาทำงานช่วยเหลือ  โดยจะใช้โซเซียล สร้างฐานเสียงและแนวร่วมในการขับเคลื่อนพรรคต่อไป โดยทีมอาสามาด้วยใจ ได้เปิดตัว นายสุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ  ผู้ดำเนินรายการ คนค้นฅน  ที่พร้อมสนับสนุนการทำงานของพรรคด้วย

อย่างไรก็ตาม นางพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ  สส.บัญชีรายชื่อ ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง รองเลขาธิการพรรค ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง รองเลขาธิการพรรค เนื่องจากมีภารกิจอื่น จึงทำให้ไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 21 เม.ย. 2567 เป็นต้นไป.