เมื่อวันที่ 25 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุมคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐกิจการชายแดนยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ที่มีนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เป็นประธานฯ ได้รับฟังรายงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยนายฉัตรชัย บางชวด รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวว่า สถานการณ์สู้รบในเมียนมา ยังคงมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง และกลุ่มชาติพันธ์ุมีการรวมตัวกัน ซึ่งกองทัพเมียนมายังมีข้อจำกัดในการสู้กับกลุ่มต่อต้าน ซึ่งทำให้ในหลายพื้นที่อยู่ในอิทธิพลของกลุ่มต่อต้าน ซึ่งทางกองทัพมาอาจมีการตอบโต้เฉพาะจุดบางพื้นที่ ส่วนการสู้รบที่จะยกระดับกลายเป็นระดับประเทศนั้น คิดว่ายังไม่เกิดสถานการณ์นั้น แต่จะเป็นการสู้รบในเฉพาะจุด และสถานการณ์บางเรื่องมีการพูดคุยและเจรจากัน ก็ทำให้สถานการณ์คลี่คลาย สำหรับผู้หนีภัยการสู้รบ ยังคงอพยพมาในจำนวนหนึ่ง แต่ปัจจุบันที่ อ.แม่สอด ได้เดินทางกลับหมดแล้ว เหลือที่ อ.อุ้มผาง ประมาณ 77 คน 

นายฉัตรชัย กล่าวว่า ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีได้ตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจ บริหารสถานการณ์เมียนมา โดยมีนายปานปรีย์ พหิทรานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.การต่างประเทศ เป็นประธาน ซึ่งจะทำหน้าที่ติดตามสถานการณ์ในเมียนมา และเสนอแนะนโยบายแนวทางต่อรัฐบาลเพื่อดำเนินการ แต่ละหน่วยงานมีบทบาทที่ชัดเจน โดยมีการเตรียมการกำหนดท่าทีของไทย 3 ประการ 1. ความจำเป็นรักษาอธิปไตยของไทย หากมีการลุกล้ำต้องมีการพูดจา 2. ไม่ยินยอมให้ใช้ดินแดนของไทย ในกรณีที่มีกลุ่มต่อต้านเข้ามาทำกิจกรรมในการต่อต้านรัฐบาลเมียนมา และ 3. การดูแลผู้ที่หนีภัยจากความไม่สงบเมียนมา ซึ่งเป็นหลักการที่ไทยได้ทำมาตลอดตามหลักมนุษยชน 

นายฉัตรชัย กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมีการจัดเตรียมพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวสำหรับการรองรับผู้ที่หนีภัย โดยมีการคัดกรองตามหลักระเบียบและมนุษยธรรม โดยมีทางจังหวัดร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประสานความช่วยเหลือจากทุกฝ่ายในบางเรื่อง และเปิดรับการช่วยเหลือจากองค์กรที่เกี่ยวข้องภายใต้เงื่อนไขตามระเบียบ และเมื่อถึงจุดหนึ่ง หากสถานการณ์สงบ จะมีการยึดหลักความสมัครใจให้แก่ผู้ที่ต้องการเดินทางกลับ ซึ่งบริบทจะแตกต่างจากอดีต ที่มีคนตกค้างในประเทศไทย แต่ในปัจจุบันพื้นที่ในชายแดน หลังจากนี้ จะรายงานต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป 

ทั้งนี้มีรายงานว่า สภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้แจ้งต่อที่ประชุมกรรมาธิการฯ ว่าจะมีการขออนุมัติงบกลางจากนายกรัฐมนตรี เพื่อนำมาดำเนินการช่วยเหลือดูแลด้านสิทธิมนุษยชนในสถานการณ์ ที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบเมียนมา และมีผู้อพยพเข้ามาในชายแดนไทย