สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 5 พ.ค. ว่าการที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ กล่าวเมื่อไม่นานมานี้ ว่าจีน ญี่ปุ่น และอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศที่อยู่ในกลุ่มมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับต้นของโลก แต่กำลังเผชิญปัญหาเศรษฐกิจอยู่ตอนนี้ เป็นเพราะ “ความหวาดกลัวชาวต่างชาติ” ผิดกับอเมริกาซึ่งต้อนรับการย้ายถิ่นฐาน และผู้อพยพที่เดินทางเข้ามาอย่างถูกต้องนั้น เป็นหนึ่งในกำลังสำคัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ


นายสุพรหมณยัม ชัยศังกร รมว.กระทรวงการต่างประเทศอินเดีย กล่าวว่า “อินเดียเป็นประเทศที่มีเอกลักษณ์ในระดับสูง” เนื่องจากเป็นประเทศที่เปิดกว้าง ยอมรับความแตกต่างและความหลากหลายของผู้คน ตลอดระยะเวลาหลายศตวรรษที่ผ่านมา คำกล่าวของผู้นำสหรัฐไม่สอดคล้องกับสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้น และเศรษฐกิจของอินเดีย “ไม่ได้ประสบกับภาวะสะดุด” อย่างที่อีกฝ่ายกล่าวหา


อนึ่ง ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติอินเดียระบุว่า เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวเมื่อไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว หรือระหว่างเดือนต.ค.-ธ.ค. ที่ผ่านมา ในระดับ 8.4% เมื่อเทียบแบบปีต่อปี อินเดียจึงถือเป็นหนึ่งในประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตเร็วที่สุดของโลก ณ ปัจจุบัน


ขณะที่ย้อนกลับไป เมื่อเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา รัฐบาลนิวเดลีเคยตอบโต้ กรณีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเผยแพร่รายงานว่า สถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในอินเดีย “ย่ำแย่ลงอย่างมีนัยสำคัญ” คือการสะท้อน “อคติและความเข้าใจที่ผิดเพี้ยนอย่างมากของสหรัฐที่มีต่ออินเดีย”


อีกด้านหนึ่ง กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นออกแถลงการณ์ว่า “น่าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ที่การให้ความเห็นดังกล่าวไม่ได้อ้างอิงตามการมีความเข้าใจอย่างถูกต้อง เกี่ยวกับการกำหนดนโยบายบริหารประเทศของญี่ปุ่น” และรัฐบาลโตเกียวชี้แจงเรื่องนี้โดยตรงให้ทำเนียบขาวรับทราบแล้ว


ส่วนนายจอห์น เคอร์บีย์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ พยายามไกล่เกลี่ยสถานการณ์ ว่าผู้นำสหรัฐต้องการสื่อว่า “อเมริกาเป็นประเทศแห่งผู้อพยพ” เท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาสร้างความขุ่นเคืองใจให้กับประเทศที่ถูกพาดพิงทั้งสิ้น ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นกล่าวถึงประเด็นนี้ด้วยว่า “รับทราบแล้ว”.

เครดิตภาพ : AFP