เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 9 พ.ค. ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ครั้งที่ 2/2567 โดยมีคณะรัฐมนตรี (ครม.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะกรรมการฝ่ายจัดพิธีการฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม 

ต่อมาเวลา 10.30 น. ภายหลังการประชุม นายกฯ เป็นประธานการแถลงข่าวการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ว่า ด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมายุ 6 รอบ หรือ 72 พรรษา ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 นับเป็นมหามงคลสมัยพิเศษยิ่งนี้ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ รัฐบาลจึงเห็นสมควรดำเนินการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติทุกประการ ซึ่งการจัดงานจะมีทั้งงานพระราชพิธี งานพิธีการ โครงการและกิจกรรม

นายเศรษฐา กล่าวว่า ทั้งนี้ ในส่วนของการจัดทำโครงการและกิจกรรมต่างๆ ของรัฐบาล หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน เพื่อน้อมนำแนวพระราชดำริ พระราชปณิธาน และพระบรมราโชบายเกี่ยวกับการพัฒนาสิ่งแวดล้อม พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ให้อยู่ดีมีสุข ซึ่งจะมุ่งเน้นให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมให้ได้มากที่สุด โดยขณะนี้ มีหน่วยงานภาครัฐ  ภาคเอกชน ได้เสนอโครงการ และกิจกรรมเข้าร่วมเฉลิมพระเกียรติเป็นจำนวนมาก ซึ่งรัฐบาลได้เลือกโครงการขนาดใหญ่จากที่เสนอในการประชุมวันนี้ ให้เป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติในนามรัฐบาล จำนวน 10 โครงการ โดยมอบหมายให้หน่วยงานต่างๆ รับไปดำเนินการ ดังนี้

นายเศรษฐา กล่าวว่า โครงการที่ 1 โครงการยกระดับสวนสาธารณะบึงหนองบอน และ Pocket Parks 72 แห่ง โดยจะดำเนินการพัฒนาสวนสาธารณะขนาดใหญ่ 2 แห่ง ได้แก่ สวนหลวง ร.9 ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 500 ไร่ และสวนสาธารณะบึงหนองบอน ให้เป็นสวนสาธารณะระดับมหานครที่มีพื้นที่รวมกันกว่า 1,144 ไร่ ซึ่งจะจัดให้เป็นสถานที่เล่นกีฬา ออกกำลังกาย พักผ่อนหย่อนใจ และทำกิจกรรมต่างๆ แบบครบวงจร ทั้งนี้ รัฐบาลจะขอพระราชทานชื่อสวนสาธารณะแห่งนี้ ว่า “สวนหลวง ร.10” ต่อไป รวมถึงการสร้างพื้นที่สาธารณะเปิดโล่ง (outdoor public space) หรือ Pocket Parks จำนวน 72 แห่ง ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงพื้นที่พักผ่อนแบบเปิดโล่งได้ใกล้บ้าน ซึ่งกำหนดเป้าหมายการเข้าถึงของประชาชนภายในระยะ 800 เมตร หรือระยะการเดิน 10-15 นาที

นายเศรษฐา กล่าวว่า โครงการที่ 2 โครงการ 72 ล้านต้น พลิกฟื้นผืนป่า วัตถุประสงค์และการดำเนินงาน เพื่อเป็นการฟื้นฟูและรักษาสภาพป่าต้นน้ำ โดยตั้งเป้าหมายในการปลูกป่าทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 72 ล้านต้น ทั้งนี้ ได้มอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักในการรับลงทะเบียน จัดหาพันธุ์กล้าไม้ และรวบรวมข้อมูลการปลูกต้นไม้ของทุกหน่วยงาน องค์กร หรือกลุ่มบุคคล เพื่อใช้ประกอบในการดูแลรักษาต่อไป

นายเศรษฐา กล่าวว่า โครงการที่ 3 โครงการแหล่งน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 72 แห่ง จากเดิมที่ทรงรับไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จำนวน 47 โครงการ ครอบคลุมพื้นที่ 25 จังหวัด รัฐบาล โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงขยายขอบเขตการดำเนินโครงการเพิ่มเติม จำนวน 25 แห่ง รวมเป็น 72 แห่ง เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ โดยจะพิจารณาพื้นที่ที่ประสบปัญหาภัยแล้งและขาดแคลนน้ำ ไม่มีศักยภาพในการเจาะบ่อน้ำบาดาล ทั้งนี้ โครงการที่ 4 โครงการ “10 คลองสวย น้ำใส คนไทยมีสุข” วัตถุประสงค์และการดำเนินการ เพื่อเป็นการสืบสาน และขยายผลต่อยอดพระบรมราโชบายในการพัฒนาแม่น้ำ ลำคลอง และแหล่งน้ำต่างๆ ที่เสื่อมโทรมไปตามกาลเวลาตลอดจน เพื่อเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในด้านต่างๆ

นายกฯ กล่าวอีกว่า โครงการที่ 5 โครงการพัฒนา 72 สายน้ำอย่างยั่งยืน มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดำเนินการขุดลอกคลองและอ่างเก็บน้ำ จำนวนทั้งสิ้น 72 แห่ง เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการเก็บกักน้ำให้สามารถรองรับปริมาณน้ำฝนในช่วงฤดูฝนที่จะมาถึงและสามารถบริหารจัดการน้ำรวมถึงแก้ปัญหาภัยแล้งได้อย่างยั่งยืน ส่วนโครงการที่ 6 โครงการยกระดับโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช โรงพยาบาลชุมชนเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลชัยพัฒน์ และหน่วยบริการปฐมภูมิ 72 แห่ง เพื่อเป็นการยกระดับคุณภาพการให้บริการและการเข้าถึงการบริการด้านสาธารณสุขลดความแออัด ลดระยะในการรอคอยการเข้ารับการบริการของประชาชน

นายกฯ กล่าวว่า โครงการที่ 7 โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิต ที่ดินทำกิน และที่อยู่อาศัย เพื่อเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิต ช่วยเหลือและให้โอกาสแก่ประชาชนผู้ด้อยโอกาสรวมถึงผู้พิการหรือทุพพลภาพในการที่จะได้รับสิทธิขั้นพื้นฐาน กระทรวงกลาโหมจึงได้เสนอการดำเนินการ 2 กิจกรรม ได้แก่ การจัดหาที่ดินที่เป็นพื้นที่ของเหล่าทัพทั่วประเทศ รวมจำนวน 72,000 ไร่ สำหรับจัดสรรให้กับประชาชน และการปรับปรุงซ่อมแซมบ้านพักอาศัยสำหรับคนพิการ จำนวน 720 หลัง และผู้ด้อยโอกาส จำนวน 720 หลัง

นายเศรษฐา กล่าวว่า โครงการที่ 8 โครงการบริจาคโลหิต 10,000,000 CC เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในการนี้ รัฐบาล จึงได้จัดทำโครงการเพื่อเป็นการรวมพลังจิตอาสาทั่วประเทศจากทุกภาคส่วนในการบริจาคโลหิต โดยมีเป้าหมายในการรับบริจาคครั้งนี้ จำนวน 10ล้าน CC เพื่อมอบให้แก่สภากาชาดไทยสำหรับใช้เป็นโลหิตสำรองให้กับผู้ป่วยในโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ ขณะที่โครงการที่ 9 โครงการจัดหากายอุปกรณ์สำหรับช่วยเหลือคนพิการ 72,000 ชุด วัตถุประสงค์และการดำเนินการ เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้พิการทางการเคลื่อนไหวหรือทางร่างกาย หรือผู้มีแนวโน้มจะเป็นคนพิการที่มีรายได้น้อยที่ประสบความเดือดร้อนเข้าไม่ถึงสิทธิและสวัสดิการ ให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมได้อย่างเท่าเทียม แต่ละบุคคลทั่วประเทศจำนวน 72,000 ชุด

นายเศรษฐา กล่าวว่า โครงการที่ 10 โครงการ “หลอมรวมใจ มอบน้ำใสสะอาดให้โรงเรียน” รัฐบาลจึงได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงาน โดยเป็นการบูรณาการการดำเนินงานร่วมกันของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการปรับปรุงคุณภาพน้ำประปาในโรงเรียนทุกแห่งทั่วประเทศ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ตนจะลงพื้นที่ติดตามการดำเนินโครงการในนามรัฐบาลทั้ง 10 โครงการนี้ รวมทั้งโครงการอื่นๆ ที่เข้าร่วมเฉลิมพระเกียรติ และจะได้ร่วมทำกิจกรรมกับพี่น้องประชาชนให้มากที่สุด.