ภายหลังจากที่ศูนย์คดียาเสพติด ภายใต้การกำกับของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ได้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานและขยายผลเกี่ยวกับขบวนการฟอกเงิน การจัดให้มีการเล่นการพนัน จนออกหมายเรียกผู้ต้องหาเพื่อดำเนินคดีกับนายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ นอท กองสลากพลัส เนื่องมาจากพบความเชื่อมโยงพัวพันในส่วนของเส้นทางการเงินตั้งแต่หลักสิบล้านบาทไปจนถึงหลายพันล้านบาท จนแบ่งเป็นคดีพิเศษ 2 คดี ได้แก่ คดีพิเศษที่ 288/2565 ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน เนื่องมาจากนายพันธ์ธวัช ได้นำสลากฯ ที่ถูกรางวัลให้กับนายอรรถกานต์ หรือ นาย อ. นำไปขึ้นเงินและโอนเข้าบัญชีจำนวน 53 ล้านบาท ซึ่งนายอรรถกานต์ ยังมีสถานะเป็นหัวหน้าขบวนการฟอกเงินอีกด้วย ดีเอสไอจึงสรุปว่า พฤติการณ์ระหว่างนายพันธ์ธวัช และนายอรรถกานต์ ถือว่าร่วมกันสร้างเส้นทางการเงิน ขณะที่คดีพิเศษที่ 6/2566 นายพันธ์ธวัชถูกแจ้งข้อหาร่วมกันฟอกเงิน และข้อหาจัดให้มีการเล่นการพนัน โดยยังพบว่ามีเส้นทางการเงินกว่า 39 รายการ รวมจำนวนเงินกว่า 1,090 ล้านบาท จากบรรดานายทุนไทยเทาที่เข้ามาร่วมลงทุนจำหน่ายสลากกินแบ่งออนไลน์กับกองสลากพลัส จึงเป็นเหตุให้ดีเอสไอต้องออกหมายเรียกเหล่าบรรดานายทุนให้เข้ามาให้การชี้แจงในฐานะพยาน ตามที่มีการรายงานข่าวไปอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 ก.พ. ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวระดับสูงภายในกระทรวงยุติธรรม ว่า ตนได้รับรายงานมาว่า ทางดีเอสไอ ได้มีการประสานร่วมกับทางสำนักงาน ปปง. เพื่อตรวจสอบเกี่ยวกับเส้นทางการเงินที่เชื่อมโยงกับนายพันธ์ธวัช ทั้งลักษณะการทำธุรกรรมรับเงินและโอนเงิน โดยพบว่าในบรรดาบัญชีธนาคารออมทรัพย์ทั้ง 8 บัญชีต้องสงสัยที่ดีเอสไอ ได้อายัดไว้นั้น พบว่ามีบางส่วนได้มีการทำธุรกรรมทางการเงินกับนายแทนไท ณรงค์กูล ซึ่งเป็นเส้นทางการเงินที่ผิดปกติน่าสงสัย ทางดีเอสไอจึงได้ออกหมายเรียกให้นายแทนไท เข้าให้การชี้แจงกับพนักงานสอบสวนคดีพิเศษในฐานะพยานในเร็วๆ นี้ เพื่ออธิบายถึงเงินจำนวนหลักร้อยล้านบาท ที่รับโอนมาจากนายพันธ์ธวัช

สำหรับพฤติการณ์ที่ผิดปกติน่าสงสัยเกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางการเงินระหว่างนายพันธ์ธวัชและนายแทนไทนั้น แหล่งข่าวระบุว่า ทาง ปปง. ได้มีการตรวจสอบเส้นทางการเงินของทั้งคู่ ปรากฏว่าไม่พบเงินก้อนดังกล่าว (เงินหลักร้อยล้านบาท) ออกจากบัญชีของนายแทนไท แต่กลับพบเงินก้อนดังกล่าวนี้เข้าบัญชีธนาคารออมทรัพย์ของนายพันธ์ธวัช โดยการฝากเงินผ่านเคาน์เตอร์ธนาคาร จากนั้นเงินก้อนนี้ได้ถูกโอนออกไปยังบัญชีธนาคารของนายแทนไท ดีเอสไอจึงเล็งเห็นว่าลักษณะเช่นนี้ เป็นการปิดบังอำพรางแหล่งที่มาของเงินหรือไม่ หรือกล่าวอีกนัย คือ ร่วมกันสร้างเส้นทางการเงิน จึงต้องออกหมายเรียกครั้งที่ 1 ให้นายแทนไทมาชี้แจง

นอกจากนี้ ทางดีเอสไอยังได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานมาอย่างต่อเนื่อง จนพบว่าทั้งคู่มีการลงทุนทำธุรกิจร่วมกันมานาน โดยหลักฐานที่พบ คือ สัญญาการร่วมทุนจำหน่ายสลากลอตเตอรี่ออนไลน์ เป็นต้น แต่กลับไม่เคยพบเส้นเงินจากนายแทนไทเข้าไปหานายพันธ์ธวัช ซึ่งตนยังได้รับรายงานมาว่า ดีเอสไอได้มีการประสานขอเส้นทางการเงินกับทางธนาคาร ซึ่งคาดว่าต้องใช้ระยะเวลาพอสมควรและหากพยานหลักฐานจากทางธนาคารปรากฏว่ามีการโอนเงินออกจากบัญชีธนาคารของนายพันธ์ธวัช ไปยังบัญชีนายแทนไท 2 วันล่วงหน้าก่อนที่นายพันธ์ธวัชจะถูกอายัด ตรงส่วนนี้จะเป็นพยานหลักฐานชัดเจน ในการที่ดีเอสไอสามารถดำเนินคดีกับนายแทนไท ในข้อหาร่วมกันฟอกเงินได้.