เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 7 ก.ค. ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม. พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์ รอบ ผบก.ปคม. พ.ต.อ.พัฒนพงศ์ ศรีพิณเพราะ ผกก.2 บก.ปคม. และนายนูลิดดิน มามัตคูลอฟ กงสุลประจำสถานกงสุลใหญ่อุซเบกิสถาน (Mr. Nuriddin Mamatkulov Consul of the Consulate-General of Uzbekistan) ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายนารูส (Mr.Navruzbek) อายุ 32 ปี ชาวอุซเบกิสถาน ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา “ร่วมกัน หรือ สมคบกันค้ามนุษย์โดยแสวงผลประโยชน์จากการค้าประเวณี, ร่วมกันเป็นธุระจัดหาเพื่อค้าประเวณีภายในหรือภายนอกราชอาณาจักร โดยใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญ” ได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ

พ.ต.อ.พัฒนพงศ์ กล่าวว่า ผู้ต้องหารายนี้ได้ร่วมกับพวกซึ่งเป็นชาวอุซเบกิสถาน ล่อลวงหญิงสาวเพื่อนร่วมชาติ จำนวนหลายรายมาบังคับค้าประเวณีในประเทศไทย โดยใช้กลอุบายอ้างว่าจะพาไปทำงานเป็นผู้ช่วยกุ๊กของร้านอาหารแห่งหนึ่งในพื้นที่พัทยา จ.ชลบุรี ได้ รายได้ดี มีที่พักให้ รวมถึงจะออกค่าเดินทางและค่าทำวีซ่าในการเดินทางให้ก่อน จนทำให้มีเหยื่อหญิงสาวหลายรายที่ต้องการหาเงินเลี้ยงชีพ บางรายต้องการหาเงินไปเป็นค่ารักษามารดาที่ป่วย หรือนำไปใช้แต่งงาน หลงเชื่อยอมมาทำงานด้วย แต่เมื่อมาถึงกลับถูกบังคับให้ค้าประเวณี โดยให้ยืนหาลูกค้าที่บริเวณริมชายหาดพัทยา ใกล้กับวอล์คกิ้งสตรีท และขายบริการทางเพศให้กับลูกค้าที่จัดหามาให้ อ้างว่าเป็นการใช้หนี้ค่าเดินทาง ค่าจัดทำวีซ่า 5,000 ดอลลาร์ หรือ ประมาณ 175,000 บาท

“หากใครไม่เชื่อฟัง หรือทำตาม จะถูกทำร้ายร่างกาย, กักขังและไม่ให้กินข้าว เหยื่อจึงจำยอม โดยจะถูกบังคับให้ทำงานไม่ต่ำกว่า 4 ครั้งต่อวัน ตั้งแต่ 6 โมงเย็น ไปจนถึง 6 โมงเช้า และหากไม่ได้ตามยอดตามที่ต้องการ ก็จะถูกทำโทษโดยการให้อดอาหาร ซึ่งแต่ละวัน เหยื่อจะได้รับประทานอาหารเพียงวันละ 1 มื้อเท่านั้น อีกทั้งเมื่อเหยื่อจะขอเบิกเงินค่าจ้างและขอเดินทางกลับบ้านเกิด ก็ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากต้องทำงานชดใช้หนี้ให้หมดก่อน” ผกก.2 บก.ปคม. กล่าว

พ.ต.อ.พัฒนพงศ์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม หลังจากกลุ่มผู้ต้องหาล่อลวงเหยื่อหญิงสาวมาค้าประเวณีที่เมืองพัทยาสักระยะ ก็เตรียมเปลี่ยนแผนจะพาเหยื่อเหล่านี้ไปค้าประเวณีต่อที่ประเทศบาห์เรน แทน เนื่องจากได้เงินเยอะกว่า จึงทำให้เหยื่อหญิงสาวรายหนึ่ง ตัดสินใจหลบหนีออกมาร้องขอความช่วยเหลือกับ มูลนิธิไนท์ไลท์และองค์กรโอยูอาร์ ก่อนจะมีการพาเข้าแจ้งความกับตำรวจ บก.ปคม. จนนำมาสู่การสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 3 ราย คือ นางแซมรัต อายุ 42 ปี ชาวอุซเบกิสถาน หัวหน้าขบวนการ น.ส.ดิโลรมคน (Ms.Diloromkhon) อายุ 22 ปี เพื่อนของเหยื่อ ซึ่งทำหน้าที่เป็นคนชักจูง และ นายนารูส คนจัดหาลูกค้า ก่อนต่อมาจะทราบว่า นางแซมรัต และ น.ส.ดิโลรมคน ได้พาเหยื่อหญิงสาวรายอื่นๆ จำนวน 17 คน หนีออกนอกประเทศไปได้ก่อนแล้ว คงเหลือ นายนารูส ผู้ต้องหารายนี้ ที่กำลังเตรียมจะหลบหนีออกนอกประเทศ จึงนำกำลังตามสกัดจับกุมตัวได้ดังกล่าว

จากการสอบสวน นายนารูส ให้การปฏิเสธ ยอมรับเพียงว่า รู้จักกับนางแซมรัตจริง เนื่องจากมีภูมิลำเนาอยู่หมู่บ้านเดียวกัน แต่ไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยว หรือได้รับประโยชน์ใดๆ จากขบวนการล่อลวงหญิงขายบริการดังกล่าว เบื้องต้นจึงนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปคม. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.