กรณี พ.อ.ดุสิต เกษรแก้ว หัวหน้าชุดทำงานแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ ทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่กองทัพภาคที่ 4 ดร.กัมปนาถ กลิ่นเสาวคนธ์ นายอำเภอเกาะสมุย, พ.อ.สนิท มีแสง ที่ปรึกษา ผอ.รมน.ภาค 4 สนธิกำลัง คณะทำงานบูรณาการร่วมตรวจสอบการทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้าตรวจสอบวิลล่าหรู ตั้งอยู่บนเขาหมาแหงน หมู่ 3 ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี หลังพบว่าบริเวณที่ตั้งของอาคาร อยู่บนพื้นที่ในระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง เกินกว่า 150 เมตร ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เริ่มแล้ว สมุยโมเดล! บุกตรวจสอบ 2 วิลล่าหรูชาวต่างชาติบนเขาหมาแหงน

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 24 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานการแก้ไขปัญหาการครอบครองที่ดิน และการประกอบธุรกิจของชาวต่างชาติบนเกาะสมุย ของคณะทำงานแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ ทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ กองทัพภาคที่ 4 หลังจากที่ล่าสุด ได้อาศัยอำนาจ กอ.รมน.ภาค 4 บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภายใต้ “สมุยโมเดล” คณะทำงานตรวจสอบการทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ประกอบด้วยตัวแทนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสุราษฎร์ธานี, เจ้าหน้าที่เทศบาลนครเกาะสมุย, ปกครองอำเภอเกาะสมุย, เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ที่ สฎ 16 (เกาะสมุย) และชุดปฏิบัติการพิเศษ กอ.รมน.ภาค 4 (สมุย)

โดยกำหนดเป้าหมายเข้าตรวจสอบพื้นที่และสิ่งก่อสร้างที่ดำเนินการในนามนิติบุคคลของชาวต่างชาติ 2 แห่ง บนเขาหมาแหงน หมู่ 3 ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย ซึ่งการตรวจสอบ พบว่า สิ่งปลูกสร้างทั้ง 2 จุด เข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมายอย่างน้อย 3 พ.ร.บ. ประกอบด้วย ฝ่าฝืนประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2557, ฝ่าฝืน พ.ร.บ.โรงแรม พ.ศ. 2547 และ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร

พ.อ.ดุสิต กล่าวว่า ในการเข้าตรวจสอบรีสอร์ท วิลล่า ทั้ง 2 แห่ง คณะทำงานได้ใช้ พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อมฯ ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2557 เกี่ยวกับมาตรการอนุญาตใช้สถานที่ เป็นตัวชี้วัด ซึ่งจากการเข้าตรวจสอบพื้นที่ทั้ง 2 แปลง พบก่อสร้างอยู่บนพื้นที่ลาดเชิงเขา บนพื้นที่ที่มีระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง เกินกว่า 150 เมตร สูงขึ้นไป 250 เมตร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่บริเวณที่ 3(2) ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ เป็นพื้นที่ที่อนุญาตให้สร้างได้เฉพาะเป็นอาการอยู่อาศัย ต้องเป็นอาคารเดี่ยว มีความสูงไม่เกิน 6 เมตร แปลงขนาดที่ดินที่ยื่นขออนุญาตต้องมีเนื้อที่ไม่น้อยกว่า 100 ตารางวา พื้นที่อาคารคลุมดินต่อหลังสูงสุดไม่เกิน 9 ตารางเมตร และต้องมีที่ว่างไม่น้อยกว่าร้อยละ 7 ของพื้นที่ดินที่ขออนุญาตก่อสร้างอาคาร

พ.อ.ดุสิต กล่าวอีกว่า โดยการก่อสร้างบนพื้นที่ลาดชันร้อยละ 35-50 ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ก่อสร้างได้เฉพาะอาคารอยู่อาศัย ที่เป็นอาคารเดี่ยวที่มีความสูงไม่เกิน 6 เมตร ขนาดแปลงที่ดินที่ยื่นขออนุญาตก่อสร้างต้องมีเนื้อที่ไม่น้อยกว่า 120 ตารางวา และมีพื้นที่อาคารคลุมดินต่อหลังไม่เกิน 8 ตารางเมตร และพื้นที่ว่างไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 ของแปลงที่ดิน และไม่สามารถก่อสร้างดัดแปลงอาคารบนพื้นที่ลาดชันเกินกว่าร้อยละ 50 ขึ้นไปได้ การตรวจสอบที่ดินและสิ่งปลูกสร้างทั้ง 2 แปลง พบว่าพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในเขตพื้นที่ลาดชันร้อยละเกินกว่าร้อยละ 50 ซึ่งเป็นพื้นที่ห้ามก่อสร้าง แต่ในการขออนุญาตก่อสร้างพบว่าผู้ประกอบการทั้ง 2 ราย อ้างพื้นที่ส่วนที่มีความลาดชั้นร้อยละ 35-50

พ.อ.ดุสิต กล่าวว่า นอกจากนั้น ในการตรจสอบสถานประกอบการยังพบว่าผู้ประกอบการทั้ง 2 ราย ยังฝ่าฝืน พ.ร.บ.โรงแรม พ.ศ. 2457 และกฎกระทรวง กำหนดประเภทและหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจโรงแรม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 โดยประกอบเป็นธุรกิจโรงแรมให้เช่าห้องพัก จำนวนน้อยกว่า 8 ห้อง เพื่อพยายามหลบเลี่ยงข้อกำหนดตาม พ.ร.บ.นี้ แต่ยังคงเป็นการกระทำผิด เนื่องจากเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ. ฉบับนี้ มีไว้สำหรับกรณีเป็นบุคคลธรรมดาเท่านั้น ที่สามารถดำเนินการเพื่อเป็นรายได้เสริมได้ กรณีเป็นนิติบุคคลไม่สามารถทำได้ นอกจากนั้นยังพบว่า มีการผ่าฝืน พ.ร.บ.โรงแรมควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 โดยก่อสร้างไม่ตรงตามแบบที่ขออนุญาต และใช้อาคารผิดประเภท คือนำอาคารที่ขออนุญาตสร้างไปใช้เป็นโรงแรมอีกด้วย

“ขณะนี้พนักงานสอบสวน กอ.รมน. กำลังเร่งตรวจสอบและรวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อเสนอต่อที่ประชุมคณะทำงานแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ ทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ กองทัพภาคที่ 4 ซึ่งมี พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะ ผอ.รมน.ภาค 4 เพื่อวางมาตรการการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าแก้ไขปัญหาต่อไป” พ.อ.ดุสิต กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ส่วนความคืบหน้าในการตรวจสอบการจัดตั้งบริษัทนิติบุคคล ของ นางแคทเทอร์รีน อายุ 59 ปี แหม่มสาวนักธุรกิจวิลล่าให้เช่าบนเกาะสมุย ที่ใช้ปืนจ่อขมับปลิดชีพตัวเองริมสระน้ำในวิลล่าหรู แล้วทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินให้แม่บ้านคนสนิท มูลค่าร่วม 100 ล้านบาท จนทำให้เป็นสนใจของคนไทยทั้งประเทศ ขณะเดียวกันปรากฏการณ์ดังกล่าว ก็ได้สร้างความกังขาให้กับสังคมเช่นกัน โดยเฉพาะประเด็นทรัพย์สินเกี่ยวกับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างว่าชาวต่างชาติสามารถถือครองและโอนทรัพย์สินให้กับผู้อื่นได้หรือไม่

ซึ่งต่อมานายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ได้ออกมาเรียกร้องให้ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเกี่ยวกับความถูกต้องในการถือครองทรัพย์สินรวมถึงการดำเนินกิจการธุรกิจที่จดทะเบียนจัดตั้งเป็นนิติบุคคลเพื่อถือครองทรัพย์สินโดยเฉพาะที่ดินในประเทศไทย รวมถึงให้มีการตรวจสอบการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลเพื่อครอบครองวิลล่าของชาวต่างชาติ ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายและรักษาผลประโยชน์ของประเทศ

ซึ่ง พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการให้ชุดแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ ทำลายทรัพยากรธรรมชาติธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่กองทัพภาคที่ 4 เข้าตรวจสืบสวนหาข่าวและรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ล่าสุด พ.ต.ท.เฉลิมศักดิ์ อักษรเพียร พนักงานสอบสวน กอ.รมน.ภาค 4 ได้เข้าสอบปากคำเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้า จ.สุราษฎร์ธานี และรวบรวมเอกสาร เพื่อสรุปสำนวน ส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.เกาะสมุย กล่าวโทษเอาผิดผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดเร็วๆ นี้