ในโอกาสฉลองครบรอบ 50 ปีสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน สมาคมฯจัดเสวนา “ฉากทัศน์อนาคตสังคมไทย” หัวข้อ “เราจะร่วมเปลี่ยนแปลงสังคมไทยได้อย่างไร” สะท้อนสภาพปัญหาและแนวทางการแก้ไขเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงร่วมกันในสังคมไทยอย่างยั่งยืน ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยในงานมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน โดยมี นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าวปาฐกถานำเรื่อง “ฉากทัศน์อนาคตสังคมไทย”

ขณะที่ การเสวนา “เราจะร่วมเปลี่ยนแปลงสังคมไทยได้อย่างไร” มี นายมีชัย วีระไวทยะ ผู้ก่อตั้งและนายกสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน พร้อมด้วย นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) นายแพทย์พลเดช ปิ่นประทีป สมาชิกวุฒิสภา และนายประสาร มฤคพิทักษ์ อดีตสมาชิกวุฒิสภาดำเนินรายการเสวนา โดยภายในงานทุกท่านสะท้อนมุมมองน่าสนใจ ทั้งนี้นำรายละเอียดบางช่วงตอนจากงานเสวนาโดย นายอานันท์ ปันยารชุน กล่าวว่า ฉากทัศน์ของสังคมไทยอาจจะคล้ายกับฉากทัศน์ในสังคมอื่น ไม่ใช่เป็นของแปลก ทุกสังคมจะมีฉากทัศน์ที่ดีได้ไม่ใช่เรื่องของความมั่งคั่ง ประเทศมีคนร่ำรวยมากที่สุด แต่อยู่ที่ว่าสังคมนั้นมีความสุขหรือไม่ ความสุขไม่จำกัดชั้นวรรณะ ทุกชั้นวรรณะก็มีความสุขอย่างพอเพียง ซึ่งความพอเพียงความหมายที่แท้จริงลึกซึ้งมาก  

ทุกๆสังคมถ้ามีแต่ความผิดหวัง มีแต่ความไม่เชื่อถือ มีแต่ความไม่นับถือ ไม่ไว้ใจ ก็จะเป็นสังคมที่ไม่มีความสุข แต่สังคมที่ดีไม่ใช่มีความสุขอย่างเดียว ต้องมีความหวัง อนาคตของประเทศอยู่ที่เยาวชนและปัญหาเร่งด่วนคือการศึกษา เริ่มจากจุดที่ถูกต้องเพื่อจะแก้ปัญหาต่อๆไป

ทางด้าน นายมีชัย วีระไวทยะ เผยถึงการเสวนา โดยขอบคุณหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนรวมถึงองค์กรต่างๆทุกภาคส่วนที่ให้การสนับสนุนการทำงานด้วยความเป็นมิตรมาโดยตลอดระยะ 50 ปีที่ผ่านมา พร้อมกล่าวถึงการพัฒนาสังคมที่สมาคมฯ มุ่งขับเคลื่อนการทำงานมิติต่างๆ สร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีให้กับสังคมไทย เริ่มตั้งแต่ ลดการเกิดและให้เกิดอย่างมีคุณภาพ ด้วยงานวางแผนครอบครัวและ งานอนามัยเจริญพันธุ์

  ลดการตาย ด้วยงานด้านสาธารณสุข การป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี  ลดความยากจน ด้วยการสร้างอาชีพและรายได้โดยร่วมกับภาคธุรกิจเอกชน  ลดความเขลา ด้วยการจัดตั้ง โรงเรียนมีชัยพัฒนา เป็นโรงเรียนต้นแบบที่ถูกนำแนวคิดและรูปแบบไปใช้ในโรงเรียนต่างๆ ทั้ง ลดความเห็นแก่ตัว ด้วยการปลูกฝังการมีจิตสาธารณะ การรู้จักแบ่งปันและความซื่อสัตย์    

อีกงานสำคัญ การตั้งโรงเรียน และทำให้โรงเรียนเป็นศูนย์กลางการพัฒนาคุณภาพชีวิตและรายได้ของชุมชนบริเวณรอบโรงเรียน โดยเฉพาะการสร้างความมั่นคงด้านอาหารและรายได้สำหรับผู้สูงอายุ  โดยให้โรงเรียนเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาร่วมกับวัด โรงพยาบาลประจำอำเภอ โรงพยาบาลประจำตำบล และอสม.ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของชุมชนชนบท พร้อมร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ และภาคธุรกิจเอกชนต่อยอดงานต่างๆ ที่ได้ทำมาแล้วให้บรรลุเป้าหมายในอีก 50 ปีต่อไปเพื่อให้คนในสังคมไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยเฉพาะการส่งเสริมให้กลุ่มผู้สูงอายุมีความมั่นคงในชีวิต และมีโอกาสได้กลับเข้าสู่ระบบการผลิตในชุมชนชนบท มีความมั่นคงด้านอาหารและรายได้

นายมีชัย กล่าวอีกว่า เมื่อ 50 ปีที่แล้วคนไทยมีลูกดก การแก้ไขแก้ปัญหาวางแผนครอบครัวแบบเดิมให้บริการผ่านระบบสาธารณสุขลดได้เพียงยี่สิบเปอร์เซนต์ แต่การมีอาสาสมัคร ชุมชนเป็นศูนย์กลาง ร้านชำ ร้านทำผม ร่วมกันทำงานกับอาสาสมัครวางแผนครอบครัว ทั้งการอบรมครูกว่าสามแสนราย ฯลฯ ในที่สุดลดการเกิดลง

“ ลดการตาย ในเรื่อง HIV เราให้ความรู้และมีความเข้าใจ โดยประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับโรคเอดส์ ร่วมมือกับภาครัฐ เอกชนร่วมแก้ไข โดยภาคเอกชนให้ความร่วมมืออย่างจริงจัง รวมถึงอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์ในสถาบันอุดมศึกษา ฯลฯ หรือลดความยากจน มีการฝึกอบรมเพิ่มทักษะเพื่อให้เกิดการช่วยเหลือตนเอง ทั้งเปลี่ยนอาชีพเกษตรกรจากปลูกพืชที่ทำรายได้น้อยเป็นการปลูกต้นไม้ที่มีรายได้สูง ฯลฯ  หรือ การสร้างเยาวชนคนรุ่นใหม่ สร้างนักเรียนให้เป็นคนดี มีความซื่อสัตย์ มีทักษะชีวิตและอาชีพ รู้จักการแบ่งปัน ช่วยเหลือสังคม สมาคมฯมองเห็นปัญหาด้านการศึกษาที่ยังขาดความเสมอภาคจึงสร้างโรงเรียนมีชัยพัฒนา อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ โดยให้นักเรียนมีส่วนสำคัญในการบริหารโรงเรียน ฯลฯ ซึ่งบทบาทของโรงเรียนช่วยลดความเหลื่อมล้ำ พัฒนาคุณภาพชีวิตและรายได้ เป็นต้น”  

ขณะที่ นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวในงานเสวนา “เราจะร่วมเปลี่ยนแปลงสังคมไทยได้อย่างไร” อีกว่า การแก้ไขปัญหาอะไรสักอย่างต้องมองที่ต้นเหตุของปัญหา งานด้านศิลปวัฒนธรรมหรือกีฬาที่ส่งเสริมร่วมสร้างโอกาส ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างแรงบัลดาลใจ โดยอาจพัฒนาเป็นอาชีพต่างๆ อีกทั้งมองเห็นคุณค่าการออม อยากให้เยาวชนเห็นคุณค่าของเงิน มีวินัยทางการเงิน รู้จักการออม  ฝึกทักษะชีวิต ทักษะอาชีพ การศึกษาเป็นเรื่องการเรียนรู้ตลอดชีวิต อย่างโรงเรียนมีชัยพัฒนาที่สร้างขึ้น เป็นแบบอย่างการเติมเต็มทักษะ แต่มากกว่าการเรียนรู้คือการลงมือทำและฝึกฝน เมื่อฝึกตนเองก็จะมีความรู้และมีกระบวนการความคิด สามารถพัฒนาประชากรและชุมชน สร้างความยั่งยืน

ทางด้าน นายแพทย์พลเดช ปิ่นประทีป สมาชิกวุฒิสภาให้มุมมองอีกว่า การแก้ปัญหาความยากจน  โรงเรียนและเด็กเป็นเรื่องสำคัญ เครื่องมือที่จะแก้ปัญหาความยากจนและตัดวงจรความยากจนที่มีประสิทธิภาพมากสุดคือโรงเรียน โดยศึกษาจากโรงเรียนมีชัยพัฒนาซึ่งมีโมเดลการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยปฏิรูปการศึกษาทั้งโรงเรียน เปลี่ยนวิธีคิดนับแต่ระดับบริหาร นักเรียน ผู้นำชุมชน ฯลฯ เป็นการเรียนการสอนแบบแอคทีฟเลินนิ่ง และสิ่งที่สำคัญโรงเรียนปลูกฝังความดี เคารพห่วงใยในเพื่อนมนุษย์ มีจิตสาธารณะ สร้างพลเมืองที่มีคุณภาพ และมีแนวทางเปลี่ยนโรงเรียนเป็นศูนย์เรียนรู้ของคนทุกวัยในชุมชน ทั้งแก้ปัญหาและพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยเฉพาะผู้สูงอายุในชุมชน ปัญหาความยากจน เพิ่มโอกาสให้กับเด็กมีโรงเรียนทางเลือกที่มีคุณภาพ