เมื่อวันที่ 30 พ.ค. ที่รัฐสภานายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการระบุว่าจะแหกปากกาโพล ที่ระบุว่าประชาธิปัตย์จะได้ สส. น้อยลง ว่า จากการลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ที่ผ่านมานั้น เป็นการทำพื้นที่ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งและจนถึงตอนนี้ได้ลงไปพูดคุยกับประชาชนและผู้นำศาสนา รวมถึงอีกหลากหลายกลุ่ม ซึ่งตนยืนยันคำเดิมว่า มั่นใจว่าประชาธิปัตย์จะได้ สส. มากกว่าโพลที่ออกมา
เมื่อถามว่าเป็นการลงพื้นที่ที่มั่นใจก่อนหรือไม่นั้น นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ตนก็จะไปทุกพื้นที่ทั่วประเทศ แต่เริ่มลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และ จ.สงขลา ก่อน หลังจากนี้ก็จะไปจังหวัดอื่นๆ ในภาคใต้ รวมไปถึงภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคเหนือด้วย และการลงพื้นที่ของตน ไปพื้นที่ไหนก็ต้องมั่นใจว่าจะสู้ได้
ต่อข้อถามถึงสถานการณ์การเมืองตอนนี้ หลังจากที่นายกรัฐมนตรีถูกร้องเรียนให้ศาลรัฐธรรมนูญถอดถอนออกจากตำแหน่งนั้น นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ต้องรอคำพิพากษาจากศาลรัฐธรรมนูญ ว่าจะพิจารณาเรื่องนี้อย่างไร อย่าไปคาดเดาล่วงหน้า ซึ่งได้ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ หากสมมุติว่าเป็นไปในทางร้าย ก็คงจะมีการพูดคุยกันใหม่ในรัฐบาลที่จะเกิดขึ้น เพราะประเทศไทย อย่างไรก็ต้องมีรัฐบาล มีนายกฯ มาบริหาร แต่ถ้าสมมุติว่าเป็นไปในทางที่ดี ก็คงจะอยู่ที่ผู้บริหารว่าจะตัดสินใจอย่างไร
นายเฉลิมชัย กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ถูกอัยการสูงสุดสั่งฟ้องในคดีมาตรา 112 นั้น ก็เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ไม่มีอะไรแปลก เมื่อถามย้ำว่าคิดว่ากรณีของนายทักษิณจะเป็นบรรทัดฐาน ในการดำเนินคดีมาตรา 112 สำหรับบุคคลอื่นด้วยหรือไม่นั้น นายเฉลิมชัย กล่าวว่า นายทักษิณถูกสั่งฟ้องจากอัยการสูงสุดก่อนที่จะเดินทางเข้าประเทศ ซึ่งโดยธรรมเนียมปฏิบัติ และวิธีการต่างๆ ตนคาดการณ์ตั้งแต่เริ่มต้นว่าอัยการสูงสุดคนปัจจุบันจะต้องสั่งฟ้อง เพราะท่านไม่พลิกคำวินิจฉัยของอัยการสูงสุดท่านก่อนหน้า เพราะด้วยเป็นเรื่องของหลักกฎหมาย แต่ผลจะเป็นอย่างไรก็อยู่ที่ศาลวินิจฉัย
เมื่อถามว่าในสถานการณ์ตอนนี้มีการประเมินหรือจะมีปัจจัยอะไรที่จะต้องเปลี่ยนรัฐบาล หรือจะมีการจับขั้วจับมือกันใหม่หรือไม่ นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ประเทศไทยอะไรก็เกิดขึ้นได้
เมื่อถามย้ำว่าพรรคประชาธิปัตย์พร้อมที่จะจับมือกับทุกพรรคหรือเลือกเฉพาะพรรค นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ไม่ เราก็เลือก อย่าคิดว่าเราอยากเป็นรัฐบาลอย่างเดียว ไม่ใช่ ตนอยากฝากไปบอกถึงประชาชน และนักวิเคราะห์ข่าวทั้งหลายว่า ให้เลิกคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคสำรองได้แล้ว แต่การที่เป็นพรรคการเมืองจะต้องพร้อมทั้งการเป็นรัฐบาลและเป็นพรรคฝ่ายค้าน ไม่มีพรรคไหนที่ประกาศออกมาแล้ว จะต้องเป็นรัฐบาลอย่างเดียวแล้วได้เป็น หรือตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นฝ่ายค้านอย่างเดียว ซึ่งไม่ใช่แค่ประเทศไทย ในโลกก็ไม่มี
ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคประชาธิปัตย์ ยังคงทำงานผลึกกันแน่นหรือไม่นั้น นายเฉลิมชัย กล่าวว่า วันนี้เราทำหน้าที่ฝ่ายค้านด้วยกัน แต่เรื่องของการทำงานอื่นๆ อยู่ที่กับอุดมการณ์ ส่วนไหนที่ไปด้วยกันได้ เราก็ทำงานร่วมกันได้กับได้ทุกพรรค ส่วนไหนที่ไปกันไม่ได้ เราก็ทำงานกันไม่ได้
สำหรับการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ที่จะพิจารณาในวันที่ 19-21 มิ.ย. นายเฉลิมชัย กล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านก็ได้มีการพูดคุยกันแล้ว ในส่วนของคนที่จะไปเป็นกรรมาธิการงบประมาณ ก็จะต้องมีหน้าที่อยู่ประชุมตลอด จะต้องไม่ติดภารกิจ และต้องมีความรู้และมีเวลาจริงๆ.