เมื่อวันที่ 18 ต.ค.นายอธิวัฒน์ เนียมมีศรี หัวหน้าฝ่ายกฎหมายมูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีคลิปฉาว นายศุภศักดิ์ โภคบุตร อดีตนายก อบต.ทุ่งมะพร้าว อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ก่อเหตุกระทำอนาจารเด็กหญิงอายุ 14 ปี ภายในรถยนต์ ช่วงต้นเดือน ก.ค.2562  ซึ่งเป็นกรณีที่มูลนิธิฯ ได้เข้าช่วยเหลือด้านคดีความ โดยทนายความของมูลนิธิฯ เข้าเป็นทนายโจทก์ร่วม ให้แก่ผู้เสียหายซึ่งเป็นเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน 13 ปี และเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน 15 ปี และมารดาของเด็กทั้งสอง

นายอธิวัฒน์ กล่าวว่า คดีนี้ในชั้นต้นศาลจังหวัดพังงา ได้พิพากษาไปเมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 2563 ฐานความผิดพรากเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร กระทำอนาจารแก่เด็กหญิงอายุยังไม่เกินสิบสามปีและอายุยังไม่เกินสิบห้าปี โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยเด็กนั้นอยู่ในภาวะไม่สามารถขัดขืนได้, กระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกินสิบสามปีและเด็กหญิงอายุไม่เกินสิบห้าปี โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย

โดยเด็กหญิงนั้นอยู่ในภาวะไม่สามารถขัดขืนได้ จำเลยได้กระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน ระหว่างต้นเดือน มิ.ย. 2559 ถึงวันที่ 28 มิ.ย. 2562 เหตุเกิดที่ ต.ทุ่งมะพร้าว และ ต.ลำแก่น อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ต่อเนื่องและเกี่ยวพันกัน ศาลได้พิจารณาพยานหลักฐาน พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน รวมกระทงความผิด 94 กรรม ตามประมวลกฎหมายอาญา ลงโทษจำคุกจำเลย 324 ปี 3 เดือน แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงให้ลงโทษจำคุกจำเลย 50 ปี รวมทั้งให้ชดใช้ค่าเสียหายทั้ง 2 คน คนละ 1 ล้านบาท และให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้เสียหายที่3เป็นเงิน 5 แสนบาท รวมเงินที่ต้องชดใช้ 2.5 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 21เม.ย. 63) เป็นต้นไปนั้น

นายอธิวัฒน์ เนียมมีศรี หัวหน้าฝ่ายกฎหมายมูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว

ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดพังงาได้นัดฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ 8 โดยพิเคราะห์พยานหลักฐานทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยแล้ว พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องความผิดฐานกระทำอนาจารเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปีโดยขู่เข็ญโดยใช้กำลังประทุษร้ายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 279 วรรคสอง (เดิม) ตามคำฟ้องข้อ 1.2 1.4 1.6 1.8 และ 1.10 กับให้จำเลยชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงินแต่ละจำนวนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 21 เมษายน 2563) ถึงวันที่ 10 เมษายน 2564 และชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปี นับแต่วันที่ 11 เมษายน 2564 ของต้นเงินแต่ละจำนวนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นต้นไปจนกว่าจำเลย จะชำระเสร็จให้แก่โจทก์ร่วมทั้งสาม

อัตราดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2564 นั้น ถ้ากระทรวงการคลังปรับเปลี่ยนอัตราโดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกาเมื่อใด ก็ให้ปรับเปลี่ยนไปตามนั้น แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ตามคำขอ ส่วนโทษและนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยสรุปแม้จะมีการยกฟ้องในบางกระทงความผิดตามฟ้องของโจทก์ แต่โดยรวมยังคงลงโทษจำคุกจำเลย 50 ปี ซึ่งคำพิพากษาวันนี้เป็นเพียงในชั้นศาลอุทธรณ์ ซึ่งจำเลยก็มีสิทธิที่จะต่อสู้ในชั้นฎีกาต่อไป อย่างไรก็ตาม อยากวิงวอนให้ประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตาช่วยเหลือ แจ้งเหตุ หากเกิดกรณีแบบนี้ โดยเฉพาะเมื่อผู้กระทำเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ซึ่งมักจะทำให้ครอบครัวผู้เสียหาย ซึ่งเด็กและเยาวชน ไม่กล้าลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม.