สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 1 พ.ย. ว่า ผลอย่างไม่เป็นทางการของการเลือกตั้งทั่วไปในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสภาไดเอท ชุดใหม่ทั้ง 465 ที่นั่ง เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ปรากฏว่า พรรคเสรีประชาธิปไตย ( แอลดีพี ) ของนายกรัฐมนตรีฟุมิโอะ คิชิดะ ได้รับการเลือกตั้งเข้ามามากที่สุด 261 ที่นั่ง แม้ลดลง 15 ที่นั่ง จากการเลือกตั้งเมื่อเดือน ธ.ค. 2560 แต่ยังคงเป็นการครองเสียงข้างมากในสภาได้อย่างเด็ดขาด เนื่องจากเกินเกณฑ์ขั้นต่ำของการครองเสียงข้างมากในสภา คืออย่างน้อย 233 ที่นั่ง


ยิ่งไปกว่านั้น พรรคแอลดีพีจะได้รับเสียงสนับสนุนเพิ่มอีก 29 ที่นั่ง จากพรรคโคเมอิโตะ ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ขณะที่พันธมิตรพรรคฝ่ายค้าน 6 พรรค ได้รับเลือกตั้งรวมกันเพียง 172 ที่นั่ง

เจ้าหน้าที่คณะกรรมการการเลือกตั้งยืนเฝ้าหีบบรรจุบัตรเลือกตั้งที่ยังไม่ได้ถูกเปิดนับ ที่ศูนย์ในกรุงโตเกียว


ด้านคิชิดะแถลง ณ ที่ทำการพรรคแอลดีพี ว่าผลการเลือกตั้งครั้งนี้คือการมอบความชอบธรรมจากประชาชน ให้เขาบริหารประเทศต่อไป หลังรับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา ต่อจากการลาออกของนายโยชิฮิเดะ ซึงะ โดยเขาจะเร่งแผนงบประมาณฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจหลังวิกฤติโควิด-19 ให้ผ่านการพิจารณาจากสภาเร็วที่สุด


อย่างไรก็ตาม ผู้นำญี่ปุ่นยอมรับว่า ในเวลาเดียวกัน ฝ่ายที่เกี่ยวข้องของพรรคแอลดีพีต้องถอดบทเรียนจากการเลือกตั้งครั้งนี้ ว่าเพราะเหตุใดจึงได้ที่นั่ง “ลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้” และการเสียที่นั่งในเขตสำคัญทางตะวันตกของกรุงโตเกียว


ขณะที่พรรคซึ่งถือเป็น “ผู้ชนะตัวจริง” ของการเลือกตั้งครั้งนี้ คือ พรรคนวัตกรรมญี่ปุ่น ซึ่งไม่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับพรรคฝ่ายค้านที่เหลือ ได้รับเลือกตั้งเข้ามาเกือบ 40 ที่นั่ง เพิ่มขึ้นสามเท่า จากการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว และการที่แนวทางของพรรคนวัตกรรมญี่ปุ่นค่อนข้างเป็นไปทางขวาจัด อาจส่งผลต่อการเดินหน้าแผนเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่เป็นแนวเสรีนิยมตามแนวทาง “อาเบะโนมิกส์” ได้.

เครดิตภาพ : AP, GETTY IMAGES