เมื่อวันที่ 9 ม.ค. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนของการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ของพรรคก้าวไกล ว่า ตอนนี้เคาะตัวว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.แน่นอนแล้ว เป็นผู้ชาย เคยเป็นผู้บริหารในบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มาก่อน และเคยอยู่ในวงการการเมือง โดยเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล ซึ่งทำงานร่วมกันมาตั้งแต่สมัยอดีตพรรคอนาคตใหม่ โดยคาแรกเตอร์ของว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.คนนี้ เป็นคนที่กล้าเป็นกันชนให้กับคนกทม. เป็นคนที่เข้าใจว่าอำนาจหน้าที่ของผู้ว่าฯ กทม. มีอยู่อย่างจำกัดมาก เพราะมีหลายหน่วยงานครอบอำนาจของผู้ว่าฯ กทม.อยู่

นายวิโรจน์ กล่าวว่า แต่ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ของเรามีวิสัยทัศน์ว่า ผู้ว่าฯ ไม่ใช่จะยอมจำนนต่อขอบเขตอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่อย่างจำกัด และบอกให้ชาวกทม.ต้องยอมรับสภาพที่เป็นอยู่และแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น อย่างน้อยๆ ผู้ว่าฯ จะต้องเป็นตัวแทนของชาวกทม.ในการประสานและเรียกร้องความเป็นธรรม เรียกร้องการแก้ไขที่เป็นรูปธรรมให้กับคนกทม. หากสุดท้ายจำเป็นถึงขั้นต้องทะเลาะกันเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของคนกทม.ก็ต้องพร้อมชน ไม่ควรต้องรอมชอมโดยเอาคุณภาพชีวิตของคนกทม.เป็นเครื่องสังเวย

นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้สาเหตุที่ยังอุบชื่อว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.อยู่ เพราะเราจะต้องเตรียมความพร้อมเรื่องนโยบายและการนำเสนอ ความจริงแล้วปรัชญาในการแก้ไขปัญหาของคนกทม.และปรัชญาในการพัฒนากทม.เรื่องนี้สำคัญมากกว่านโยบาย ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ของเราพูดอย่างชัดเจนว่า กทม. ณ วันนี้ เราคิดว่าหน้าที่ของผู้ว่าฯ เป็นนโยบายไปแล้ว เช่น เรื่องทางเท้า เรื่องการระบายน้ำ มันควรเป็นหน้าที่ของผู้ว่าฯ ไม่ควรเป็นนโยบายอีกแล้ว แต่แสดงว่าทุกวันนี้คนกทม.ต้องยอมรับกับสภาพปัญหาที่เป็นอยู่ จนทำให้รู้สึกว่าหน้าที่ของผู้ว่าฯ กทม.ที่ควรจะต้องทำกลับกลายเป็นนโยบาย ซึ่งนโยบายควรจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลง การพากทม.ไปข้างหน้า

“ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ของพรรคก้าวไกลเขาย้ำเสมอว่า กทม.ไม่ใช่แค่ทัศนียภาพที่เห็นจากสองฝั่งฟากถนน บนตึกระฟ้า หรือบนสถานีรถไฟฟ้า แต่ต้องคำนึงถึงชาวกทม.ที่อาศัยอยู่ในตรอก ในซอย หรือตามถนนย่อยต่างๆ ด้วย นี่คือวิถีชีวิตของชาวกทม.จริงๆ ฉะนั้น การปรับปรุงกทม.จึงไม่ใช่การปรับปรุงแค่ทัศนียภาพ และบอกชาวกทม.ว่าจงเป็นเจ้าบ้านที่ดี แต่ควรต้องคำนึงถึงคุณภาพชีวิตของคนกทม.ที่เป็นเจ้าของบ้าน และเขายังพูดอีกว่าที่ผ่านมาผู้ว่าฯ กทม.เกรงใจทุกคน เกรงใจทุกหน่วยงาน เกรงใจรัฐบาลแต่ไม่เคยเกรงใจคนกทม.เลย” นายวิโรจน์ กล่าว

เมื่อถามถึงความมั่นใจเมื่อเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. นายวิโรจน์ กล่าวว่า พรรคก้าวไกลมั่นใจว่าจะเป็นตัวเลือกหลักที่คนกทม.จะพิจารณาและเป็นตัวเลือกที่ดีของคนกทม.ในยุคนี้ ส่วนประชาชนจะตอบรับดีขนาดไหนนั้น ความจริงแล้วความสำคัญไม่ได้อยู่แค่วันเปิดตัว แต่การทำงานหลังจากนี้ต่างหากที่จะทำให้คนกทม.มั่นใจว่าเราต้องการผู้ว่าฯ ที่พร้อมเรียกร้องและพร้อมชนให้กับคนกทม.หรือเปล่า อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าควรต้องมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในปีนี้ เพราะรัฐบาลก็เลื่อนไปเรื่อย ถามว่าเลื่อนรอพรรคพลังประชารัฐหรืออย่างไร ทั้งนี้ จะช้าจะเร็วไม่ว่า แต่ขอให้มีความชัดเจน.