เมื่อวันที่ 12 ก.พ. ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจภาคสนามเรื่อง “สภาล่ม กับ เสียงของประชาชน” สอบถามกลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,152 ตัวอย่าง ระหวางวันที่ 9-11 ก.พ. พบประเด็นที่น่าสนใจดังนี้

ประเด็นแรก เมื่อถามสาเหตุสภาล่มพบส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 94.3 ตอบว่า สภาล่มเกิดจาก จิตสำนึกของ ส.ส. มีปัญหา ไร้คุณธรรม เช่น ขาดความรับผิดชอบ ไม่มีวินัย ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและประชาชน เป็นพวกนักการเมืองอ้างประชาธิปไตยแต่เป็นเผด็จการเสียเอง เป็นต้น รองลงมา ร้อยละ 93.8 ตอบว่ามาจากความล้มเหลวของระบบการเมืองของประชาธิปไตย ขณะที่ ร้อยละ 93.7 ตอบว่า ส.ส. เล่นเกมการเมืองเกินไป ไม่จริงใจแก้ความเดือดร้อนของประชาชน ฝ่ายค้านมุ่งแต่โค่นล้มรัฐบาลอย่างเดียว

ประเด็นที่สอง ถามถึงผลกระทบจากเหตุสภาล่ม ส่วนใหญ่ ร้อยละ 93 ตอบว่า ประเทศและประชาชนเสียประโยชน์ รองลงมา ร้อยละ 92.1 ตอบว่า สภาล่มมีผลทำให้เกิดวิกฤติศรัทธาต่อนักการเมือง พรรคการเมือง และระบบการเมือง ไม่สามารถออกกฎหมายสำคัญแก้ปัญหาเดือดร้อนของประชาชนได้ทัน ซ้ำเติมวิกฤติของประชาชน ส่วนร้อยละ 91.7 มองว่า เห็นถึงความล้มเหลวของระบบการเมือง พรรคการเมือง และนักการเมืองที่ยังไม่พัฒนา

ประเด็นที่สาม ถามถึงแนวทางแก้ปัญหาสภาล่ม พบว่าส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 94.5 เสนอแก้รัฐธรรมนูญ ปฏิรูปการเมือง ลดจำนวน ส.ส. เพิ่มบทลงโทษ ส.ส. ขาดจิตสำนึกต้นเหตุสภาล่ม รองลงมา ร้อยละ 93.7 เสนอให้พรรคการเมือง ออกมาแสดงความรับผิดชอบ และร้อยละ 93.4 เสนอให้ทุกภาคประชาสังคมร่วมประณาม จี้ สส. แก้วิกฤติและเคารพประชาชน เป็นต้น

ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลโพลนี้สะท้อนให้เห็นเป็นกระจกบานใหญ่ทางการเมืองว่า การปฏิรูปการเมืองครั้งใหญ่ จำเป็นต้องเกิดขึ้นจากสำนึกของพรรคการเมืองและนักการเมือง หรือจากประชาชน และทุกภาคส่วนของประชาสังคมกดดันเพราะถือว่าการเมืองเป็นพลังอำนาจของชาติหลักที่ยังอ่อนแอ และเป็นปัญหาต่อการพัฒนาประเทศ ประชาชนส่วนใหญ่มองการทำหน้าที่ของ ส.ส. ต้นเหตุสภาล่ม ว่าเป็นวิกฤติศรัทธาของการเมืองในวิถีประชาธิปไตยที่ไม่เห็นหัวและให้ความสำคัญถึงความเดือดร้อนทุกข์ยากของประชาชน โดยเฉพาะในช่วงวิกฤติโควิดและเศรษฐกิจ ซึ่ง ส.ส. และ พรรคการเมืองต่างมุ่งแก่งแย่งช่วงชิงอำนาจ ผลประโยชน์ ต่อรอง และโค่นล้มรัฐบาล เพื่อหาทางเข้าสู่อำนาจครอบครองและต่อรองผลประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง จนเกิดวิกฤติศรัทธาและความเสื่อมถอยในระบอบประชาธิปไตย

“ผลที่ตามมาคือ ประชาชนกำลังอยู่ท่ามกลางสภาวะปัญหาเขาควาย (Dilemma) ระหว่างประชาธิปไตยกับเผด็จการ จนก่อให้เกิดสภาวะแปลกแยกทางสังคม (Social Alienation)ในหัวใจของประชาชนคือ สภาวะไร้อำนาจ (Powerless) ของประชาชน ที่จะต่อรองกับพวก ส.ส. และพรรคการเมืองผู้กระทำตัวไม่เห็นหัวของประชาชน ใช้เงินภาษีของประชาชนเข้าสู่อำนาจและผลประโยชน์เกียรติยศชื่อเสียงบนบ่า และขึ้นกดขี่เหยียบหลังประชาชนด้วยพฤติกรรมนักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยแต่หัวใจเผด็จการ ย่ำยีความทุกข์ยากของประชาชนเฉกเช่นที่กำลังทำให้สภาล่มอยู่ในตอนนี้ ความหวังร่วมกันของประชาชน คือปฏิรูปภาคการเมืองให้เข้มแข็ง มีคุณภาพและความรับผิดชอบมากขึ้น สามารถเป็นที่พึ่งในระบอบประชาธิปไตยในสภามากกว่าที่เป็นอยู่ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป” ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าว.