ปัญหา “คดีฆาตกรรมป้าบัวผัน” หรือ ..บัวผัน ตันสุ หรือกบ ถูกกลุ่มวัยรุ่น อายุเพียง 13-16 ปี รุมสังหารแบบโหดเหี้ยมเกินวัย ทิ้งศพอำพรางในสระน้ำข้างโรงเรียนในเขตพื้นที่เทศบาลฯ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว คดีเกิดขึ้นแถว ๆ ชายแดนตะวันออก แต่มันลุกลามบานปลาย กระทบมาถึง วิกฤติศรัทธาตำรวจ แบบไม่น่าเชื่อ

ต้องยอมรับความจริงด้วยว่า หากสื่อไม่เอะใจสงสัยไปตามไล่หาภาพจากกล้องวงจรปิด ค้นหาข้อสงสัยออกมาตีแผ่ ป่านนี้ ป้าบัวผันคงตายฟรี ลุงเปี๊ยก หรือ นายปัญญา คงแสนคำ สามีป้าบัวผันคงติดคุกคดีฆ่าเมียตัวเอง แก๊งทรชนตัวจริงลอยนวล ส่วนภาครัฐคงยังนิ่งเงียบไม่ตื่นตูมงัด แผนอรัญประเทศ 67 หรือให้ความสนใจ เสนอเพิ่มโทษกลุ่มเยาวชน

เรื่องราวคดีป้าบัวผันยังไม่ทันจะหายฝุ่นตลบดี ยังมาเกิด คดีลุงแท็กซี่ ถูกคนร้ายใช้ขวานจามหัว ชิงรถแท็กซี่มิเตอร์ เจ้าตัวรอดตายหวุดหวิดหนีลงจากรถมาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน แถวประตูน้ำพระอินทร์ จ.พระนครศรีอยุธยา คนร้ายชิงรถแท็กซี่ขับหนีไป ยังดีอู่เจ้าของรถแท็กซี่รับแจ้งเหตุเร็ว รีบระงับสัญญาณรถทำให้คนร้ายขับต่อไปไม่ได้

ลุงแท็กซี่ มีบาดแผลลึกที่ศีรษะ เย็บ 8 เข็ม ลำคอซ้าย 6 เข็ม แขนถูกฟันเอ็นฉีกขาด เย็บกว่า 20 เข็ม หน้าอกฟกช้ำ นอนอยู่ รพ. 2 คืน เป็นธรรมดาของชาวบ้านหาเช้ากินค่ำ ย่อมกังวลค่าใช้จ่ายและคดี ตัดสินใจพาร่างบอบช้ำไปติดตามคดีที่โรงพักประตูน้ำพระอินทร์ โชคดีตำรวจตามจับกุมคนร้ายได้ เบื้องต้นแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกาย เมื่อญาติ ๆ ผู้เสียหายสอบถามความคืบหน้าคดี เจอคำพูดถึงสะอึก “จับก็จับให้แล้ว ยังจะเอาอะไรอีก” เมื่ออยากจะรู้รายละเอียดของผู้ก่อเหตุก็เจอคำตอบจนไม่กล้าถามอีก “มีสิทธิอะไรจะไปดูหน้าคนร้าย

ไป ๆ มา ๆ แทนที่คดีทั้งหมดควรจะยุติคลี่คลายบนโรงพัก ลุงแท็กซี่ ต้องไปร้องขอความช่วยเหลือ เพจสายไหมต้องรอด โดยให้เหตุผลว่า ตำรวจไม่เคยโทรศัพท์มาเรียกไปสอบปากคำหรือแนะนำเรื่องสิทธิประโยชน์ของผู้เสียหายที่บาดเจ็บ ทำให้ต้องมาร้องเพจสายไหมฯ ก็อาสาจะช่วยพาลุงแท็กซี่ ไปขอความช่วยเหลือเรื่องเงินเยียวยาที่กระทรวงยุติธรรม เรียกว่า ทั้งคดีป้าบัวผันและลุงแท็กซี่ คงทำเอา พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.ไม่ทันตั้งตัว

ลุงขับแท็กซี่" ร้อง "สายไหมต้องรอด" ถูกคนร้ายใช้ขวานฟันหวังชิงทรัพย์  แต่ตร.แจ้งข้อหาเบาหวิว - สยามรัฐ

ที่สำคัญกลายเป็น อีกบทเรียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ให้กับผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับทุก ๆ คดีไม่ว่า ผู้เสียหายจะยากดีมีจนเพียงใด อย่าเห็นเป็นเพียงคดีตาสีตาสา นึกจะทำอะไรแบบเดิม ๆ เหมือนในอดีตไม่ได้แล้ว ปัจจุบันยุคของโลกออนไลน์สื่อสารไร้พรมแดน หลายคดีเมื่อถูกนำมาขยายต่อในโซเชียล ยิ่งกระทบภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นศรัทธาตำรวจไปโดยปริยาย แม้จะเป็นเพียงการกระทำของ ตำรวจส่วนน้อย แต่ได้ส่งผลไปถึงภาพรวมด้วย

บิ๊กต่อ ขึ้นมานั่งเก้าอี้ ผบ.ตร.กุมบังเหียนยุทธจักรสีกากีได้ 3 เดือนเศษ ๆ วางนโยบายเอาไว้หลายเรื่องน่าสนใจ โดยเฉพาะ “นโยบาย Quick Win“ ทำสิ่งที่เห็นผลได้รวดเร็ว สร้างผลลัพธ์เป็นรูปธรรมให้เห็นผลได้ชัดเจนมากที่สุด ภายใต้แนวคิด ’Police‘s Home เราดูแลคุณ (ตำรวจ) เพื่อให้คุณไปดูแลประชาชน“ 5 ด้าน 1.ด้านการบริหารงานบุคคล 2. ด้านระบบการทำงาน 3.ด้านการเสริมสร้างสวัสดิการ 4.ด้านการเสริมสร้างความสามัคคี สร้างความเป็นธรรมและการสื่อสารในองค์กร และ 5.ด้านการสร้างภาพลักษณ์ความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชน

เหลืออีกประมาณ 9 เดือนเศษ ๆ ก่อนจะอำลาเครื่องแบบสีกากี ยังพอมีเวลาจะ “ขันนอต” หรือ “วางระบบจัดระเบียบ” ต้องเน้นย้ำคำนึงถึง “ผู้เสียหาย” ดูแลดั่งเช่นพ่อแม่ญาติพี่น้องตัวเองที่เดือดร้อนมาขอความช่วยเหลือ เพื่อดึงความศรัทธาผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เป็นที่พึ่งของชาวบ้านอย่างแท้จริงกลับคืนมา!!

————–
เชิงผา