จัดเป็นอีกหนึ่งคู่รักคู่หวานของวงการบันเทิงที่ครองรักกันมาอย่างยาวนานสำหรับคู่ของพระเอกหน้าเด็กตลอดกาลอย่างหนุ่มหล่อ เขตต์ ฐานทัพ และภรรยาสาวคนสวย แนท-ทักษญา ธีญานาถธนันชา ที่ปัจจุบันมีโซ่ทองคล้องใจเป็นลูกชายชื่อ น้องดีจ้า ที่ลืมตาดูโลกมาเป็นขวัญใจของแฟน ๆ ทั้งประเทศ แถมยังเป็นความสดใสของวงการบันเทิงอีกด้วย
ล่าสุด “บันเทิงเดลินิวส์” มีโอกาสได้คว้าตัวทั้งหนุ่มเขตต์และสาวแนทมาพูดคุยกันถึงเรื่องราวสุดเอ็กซ์คลูซีฟเกี่ยวกับชีวิตและความรักของทั้งสองคนที่เปรียบเสมือนพรหมลิขิตที่ดึงดูดกันและยิ่งนานวันก็ยิ่งถักทอให้แน่นแฟ้นมากขึ้น จนเป็นเสมือนโลโก้ของความรักที่หลายคนใฝ่ฝัน ซึ่งเส้นทางรักครั้งนี้จะเป็นอย่างไร ต้องติดตาม
หลายคนอยากรู้ว่าทั้งสองคนพบรักกันได้อย่างไร?
เขตต์ “สวัสดีครับ แฟน ๆ เดลินิวส์ ผมเขตต์ ฐานทัพ นะครับ ถ้าพูดถึงเรื่องรักกับแนทเราพบรักกันที่เชียงใหม่ คือผมไปเที่ยวบวกกับทำงานด้วย ในช่วงสงกรานต์ที่เชียงใหม่ 1 ปี”
แนท “สวัสดีค่ะแฟน ๆ ทุกคน แนทนะคะ ถ้าพูดถึงความรักก็เรียกว่าเป็น มนต์รักเมืองเหนือค่ะ (หัวเราะ) ในส่วนแนทก็ไปทำงาน ช่วงนั้นเป็นวีเจอยู่ แล้วก็ขึ้นไปถ่ายรายการก็เลยไปเจอกันค่ะ”
ตอนแรก เขตต์-แนท ประทับใจกันและกันเลยไหม?
เขตต์ “คือผมสะดุดตาเขาตั้งแต่แรก ตอนแรกที่เห็นก็รู้สึกว่า ผู้หญิงคนนี้หน้าคุ้นจังเลย ซึ่งตอนเด็ก ๆ เขาเคยถ่ายโฆษณาตัวนึง เราเคยพูดว่าผู้หญิงคนนี้หน้าเก๋ หน้าตามีเอกลักษณ์แล้วเราก็ไปถามเขาว่าน้องใช่คนที่ถ่ายโฆษณาหรือเปล่า เขาก็บอกว่าใช่ ถามว่าเราจำเขาได้เลยเหรอ คือมันเป็นโฆษณาที่ค่อนข้างติดตาเราพอสมควร คือหน้าผู้หญิงคนนี้มีคาแรกเตอร์มาก ๆ ต้องไปหาดูแล้ว เดี๋ยวก็จะรู้ว่าหน้าแนทตอนนั้นเป็นอย่างไร ผมก็เดินเข้าไปทักแนทเลย มันคือการเปิดหัวข้อการสนทนา”
แนท “เราก็เลยประทับใจ จริง ๆ เราเป็นคนที่ควรจะรู้จักเขา แต่นี่กลายเป็นเขามาจำเราได้ จริง ๆ พี่เขตต์เป็นเพื่อนของรุ่นพี่ที่รู้จักก็เลยยืนคุยกัน แล้วเผอิญพี่เขตต์ทักมา เราก็อุ้ยทำไมจำเราได้”
เขตต์ “ก็คุยกันนาน วันแรกก็คุยถึงประมาณสัก 9-10 โมงเช้าได้ คุยกันตั้งแต่ประมาณ 3-4 ทุ่ม คือนั่งคุยกันก็มีเพื่อน ๆ อยู่ ไม่ได้อยู่กันสองคน คุยอยู่กันแบบนี้ยันเช้า คือเมื่อก่อนผมก็แฮงเอาต์เยอะนะ ส่วนแนทก็นั่งคุยอยู่ด้วยกันเหมือนเราอยากรู้จักเขา อยากรู้ตัวตนของเขาว่าเขาเป็นคนอย่างไร ทำงานอะไร จบการศึกษาที่ไหน ครอบครัวเป็นอย่างไร คือถามแบบนี้เลย (หัวเราะ) หลังจากนั้นพอแยกกันเสร็จ แล้วผมเองก็ไม่ได้นอนนะ เราก็มาทานอาหารเช้าที่โรงแรมก็เจอเพื่อนที่ไปด้วยกัน ผมก็บอกเลยว่าถ้าเราจะแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้จะเป็นอย่างไร อยู่ ๆ ผมก็ถามเพื่อนขึ้นมาในวันแรกเลย (ยิ้ม) ถามว่าเป็นพรหมลิขิตไหม ก็นั่นน่ะสิ ก็งงตัวเองเหมือนกันว่าตอนนั้นคิดอะไรอยู่”
แนท “แต่แนทว่ามันก็เหมือนพรหมลิขิตนะ เพราะตอนนั้นจริง ๆ ด้วยความที่เขาเป็นคนรู้จักของรุ่นพี่ คือเราเฉียดกันไปมาอยู่ที่กรุงเทพฯ คือพี่เขตต์กับเรา กลุ่มเรามันไม่ได้ไกลกันนะ มันคือกลุ่มที่ชิดกันอยู่ แต่ว่าตอนอยู่กรุงเทพฯ เราไม่เคยเจอกันเลย บางที่อยู่งานเดียวกัน ก็เพิ่งมาคุยกันทีหลังว่างานนี้พี่เขตต์ก็ไป แนทก็ไป คืออยู่คนละมุมก็ไม่ได้เจอ มันเหมือนไม่ใช่เวลามันก็เลยไม่เจอกัน”
แล้วตอนที่เขตต์บอกว่าถ้าแต่งงานแล้วจะเป็นอย่างไร ตอนนั้นเพื่อน ๆ ว่าอย่างไร?
เขตต์ “เพื่อนด่าเต็มเลย (หัวเราะ) ถามว่าบ้าหรือเปล่า คือเรากับแนทเพิ่งเจอกันวันแรก แล้วผมก็ไปพูดแบบนี้ แต่ว่าแนทเขาไม่รู้เรื่องนะ แต่ว่าเพื่อนทุกคนก็บอกว่า เพี้ยนแล้ว ไม่น่าเชื่อ แต่สุดท้ายหลังจากนั้นก็ได้แต่งงานจริง ๆ คือเราก็ขอเบอร์ตั้งแต่ตอนนั้นที่เจอกันแล้วครับ จากนั้นก็มีการพูดคุยกันมาอีกสักระยะนึงเลย กว่าจะตกลงเป็นแฟนกันก็ประมาณเกือบ 6 เดือน ถึงจะตกลงเป็นแฟนกันและก็คบกันมาเรื่อย ๆ”
นี่คือความลับครั้งแรกไหมที่แนทรู้ว่าเขตต์อยากจะแต่งงานตั้งแต่วันแรกที่พบหน้า?
แนท “มารู้ทีหลังค่ะ มารู้ช่วงก่อนแต่งงานนี่แหละ เพื่อนมาเล่าให้ฟัง พอรู้เราก็แปลกใจเพราะว่าคือเอาจริง ๆ คือเพื่อน ๆ ทุกคนลงพนันกันแบบว่า เลิกชัวร์ คือไม่มีใครสักคนที่ยกมือแล้วบอกเราว่าจะรอด ไม่มีใครรู้สึกว่าความรักครั้งนี้จะไปได้ก็ถามว่าแปลกใจไหม ก็แปลกใจแหละ ก็มากันจนถึงวันนี้ ยิ่งการเป็นภรรยาคนดังมันยากมาก (หัวเราะ) เพราะช่วงแรก ๆ เป็นช่วงที่ยากมากเพราะด้วยงานแนทและความเป็นตัวพี่เขตต์ด้วย กว่าเราจะทำความรู้จักเขาได้ คือสมมุติว่าเขาไปทำงานมาเหนื่อย ๆ คือด้วยความที่เป็นดารา พอเจอคนเยอะและทำงานมาเหนื่อย ๆ พอถึงวันที่ว่างมาเจอกัน แต่เขาไม่อยากพูด (หัวเราะ) ภาษาแนทเรียกว่าเข้าถ้ำ”
เขตต์ “คือจริง ๆ ผมเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่วัยรุ่นแล้ว คือเป็นอินโทรเวิร์ดหน่อย ๆ กลับบ้านจะเงียบไม่พูดเลย เพราะตอนเราอยู่ข้างนอกเราเจอคนเยอะเราพูดเยอะแล้ว เลยรู้สึกว่ามันเหนื่อยมาก พอกลับบ้านก็เลยเฉย กับแม่ก็ไม่ค่อยพูดนะ เมื่อก่อนตอนที่อยู่กับคุณแม่ ท่านก็ถามเป็นไรของเธอ คือเราเป็นแบบนั้นจริง ๆ”
แนท “แล้วคือแนทก็ไม่เข้าใจ แล้วเวลานัดด้วยความที่เขาเป็นดาราก็พูดแรก ๆ มันก็รู้สึกยากเย็นจังเลย ไปไหนมาไหนก็ยาก”
เขตต์ “คือด้วยตอนนั้นนักแสดงยังไม่ได้มีการเปิดตัวกับแฟนอะไรกันมากมาย ตัวเราเองก็พยายามจะปกป้องเขาด้วย คือเวลาเป็นข่าวที เรื่องก็ต้องไปถึงคุณพ่อคุณแม่เขาและอีกหลายอย่าง แล้วเราก็บอกกับตัวเองว่าเรายังติดเพื่อนอยู่พอสมควร แล้วผมก็เป็นคนที่รับปากใครแล้วต้องทำให้ได้ อย่างเรารับปากใครว่าจะไปก็คือต้องไป แต่บางทีเรายังไม่แน่ใจเราก็เลยยังไม่กล้ารับปาก มันก็เลยออกมาเป็นทรงนั้น”
แล้วเปิดตัวผ่านสื่อกันตอนไหนดูปิดข่าวมาก ๆ?
แนท “และเรามาเจอนักข่าว เจอแบบออนไลน์คอมเมนต์ คือจริงๆเราสองคนไม่ได้หลบความสัมพันธ์เลย แต่ว่าแนทก็ต้องปรับตัว คือเราไปในที่ที่ไม่เจอใครเท่าไร เราไม่ได้หลบแต่เราแค่ไม่ไป (หัวเราะ)”
เขตต์ “เราทั้งคู่ออกสื่อครั้งแรกรู้สึกว่า จะเป็นงานคอนเสิร์ตศิลปินท่านนึง ที่ไปดูด้วยกันและเป็นข่าวขึ้นมา แล้วก็มีการขุดทันทีว่า แนททำงานอะไร ตอนนั้นเป็นอะไร”
แนท “คนก็มีพูดว่าพี่เขตต์เขาหล่อ แล้วนี่เป็นใครไม่สวยเลย เต็มอินเทอร์เน็ตหมดเลย คืองงมาก คือเรามั่นใจมากเพราะแม่บอกสวยมาตั้งแต่ป.5 แล้วคืองงมากเลย ถามว่าต้องมีความสตรองในใจมากเลยใช่ไหมเพราะต้องคบกับคนดัง ใช่ค่ะ ก็จริง ๆ ต้องทำใจ เพราะว่าคือทุกคนก็มีสิทธิคิดแล้วเราก็ไม่ได้ไปว่าเขา เพียงแต่เราก็คิดว่าเราก็มีอะไรที่มั่นใจพอ ก็ต้องขอบคุณพี่เขตต์ด้วยนะเพราะว่าพี่เขตต์จะคอยให้กำลังใจว่า เราแคร์กันสิ”
เขตต์ “ผมว่าความรักมันเป็นเรื่องของคนสองคน แล้วผมรู้สึกว่าถึงแม้ท้ายที่สุดมันจะมีบริบทอื่นรอบ ๆ นะ ถ้าคนสองคนเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน รู้จักแคร์ซึ่งกันและกัน และนั่นแหละครับคือการประคองความรัก ซึ่งคำปลอบของผมมันอาจจะไม่ได้ดูสวยงาม แต่ผมรู้สึกว่าผมเป็นผู้ชายประเภทที่แบบ ไม่มีโปรโมชันครับ คือเราเป็นแบบไหนก็คือแบบนั้น ผมแค่รู้สึกว่าคำหวานในวันแรกที่เจอกันมันจะยืนยาวไปได้ตลอดทั้งชีวิต วันนึงคุณเรียกแฟนคุณที่จะมาเป็นภรรยาว่าที่รัก แล้ววันนึงจู่ ๆ คุณไปเรียกเขาว่าอิแก่ คือมันจะไม่มีทางเป็นแบบนั้นหรือเกิดขึ้นกับผม ผมก็จะยังเรียกแนทว่าที่รักไปจนวันสุดท้ายของชีวิต แต่สิ่งที่เรารู้สึกว่าเขาเหมาะกับเราคือ เขาเป็นคนที่สามารถเติมเต็มเอนเนอร์จี้ของเราได้ตลอดเวลา เพราะเราเป็นคนจิตตกได้ง่าย เขาจะคอยซัพพอร์ตและให้กำลังใจเราเสมอ เขาเป็นคนทำงานเก่ง รับผิดชอบตัวเองตั้งแต่เด็ก ๆ นั่นเป็นสิ่งที่เรารู้สึกว่าเขาสามารถเป็นตัวอย่างให้กับเราได้ ในช่วงนึงที่เราไม่นิ่งพอ”
เคล็ดลับชีวิตรักของทั้งสองคนคืออะไร?
แนท “จริง ๆ ต้องบอกว่าคู่แนทไม่ยาก เพราะพี่เขตต์ไม่มีโปรโมชันเพราะฉะนั้นมันไม่เคย 100 สมัยตอนคบกันใหม่ ๆ ต้องเรียกว่าง่อย (หัวเราะ) แต่มันดีนะคะ พอสุดท้ายเราเริ่มมีความเป็นตัวเอง ความที่ไม่ได้พยายามทำอะไรที่มันไม่ใช่ตัวเอง แล้วพอมันอยู่กันไปเรื่อย ๆ เขาก็ดีขึ้น คือยิ่งรักกันมันก็ยิ่งดีขึ้นทุกวัน ๆ”
เขตต์ “พอยิ่งรักกันมันก็มีการดูแลมากขึ้น เอาใจใส่มากขึ้น ทุกวันนี้ก็ต้องคอยเทคแคร์ตลอดเวลา ผมรู้สึกว่าความรักสำหรับผมชอบที่จะให้มันพัฒนาขึ้นไปเรื่อย ๆ ไม่ใช่วันแรกคุณมาโปรโมชันเต็มที่กับผู้หญิงคนนึงแล้ววันนึงคุณก็ถีบเขาตกจากสวรรค์โดยไม่เหลียวแลเขา ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่และมันก็เป็นสเต็ปของชีวิตเนาะจากการเป็นแฟน พอมาเป็นสามีก็ต้องเป็นสามีที่ดีกว่าการเป็นแฟน พอเป็นพ่อของลูก ก็อยากเป็นพ่อที่ดีของลูกกว่าการเป็นสามี คือมันเป็นสเต็ปชีวิตที่ผมเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ”
ในมุมของเขตต์มองแนทในมุมของการเป็นแม่ เขาเป็นแม่แบบไหน?
เขตต์ “เขาเป็นแม่ที่มหัศจรรย์มาก เราไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะเป็นแม่ขนาดนี้ เขาเป็นผู้หญิงที่ไม่ทำงานบ้าน ทำงานนอกบ้านตลอด เพราะเขาทำงานนอกบ้านตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วแนทเปิดบริษัทตั้งแต่เรียนปริญญาโท แต่ผมคือถูกแม่ใช้ทำงานบ้านตั้งแต่เด็กก็พอทำงานบ้านได้ ส่วนแนทถ้าพูดถึงการทำงานนอกบ้านเขาดูคล่องมาก เราก็เลยไม่คิดว่าเขาจะเลี้ยงลูกได้ดี เขาเสียสละตัวเองเพื่อลูกได้ โดยที่เราคิดว่าเราเลือกแม่ของลูกไม่ผิด (ยิ้ม) แต่เขาเป็นแม่ที่ตามใจลูกมากที่สุดในโลก คือผมก็ไม่เคยเห็นแม่ที่ไหนตามใจลูกมาก่อน เขาจะเปย์ลูกสุด ๆ”
แล้วเขตต์ในมุมที่แนทมองเขาในด้านความเป็นคุณพ่อ เขาเป็นคุณพ่อแบบไหน?
แนท “ต้องบอกก่อนว่าจริง ๆ แล้วพี่เขตต์อยากเป็นคุณพ่อตั้งแต่ต้น พี่เขตต์เป็นคนที่อยากมีลูก อยากมีครอบครัวที่อบอุ่น แล้วพอได้เป็นคุณพ่อก็เลยเป็นคุณพ่อที่เต็มที่มาก ๆ แต่คือเต็มที่กันคนละแบบนะ คือพี่เขตต์เขาก็จะดุกว่า และเป็นคนที่มีระเบียบกว่า แต่ก็ไม่มีใครเอาพี่เขตต์ลงเท่ากับลูกเหมือนกัน คือจริง ๆ ด้วยความรักลูก อะไรที่ไม่เคยยอมเลยก็ยอม อะไรที่ไม่เคยทำ แต่ถ้าเป็นลูกก็คือทำได้ คือสุดท้ายลูกก็เป็นที่หนึ่งของเขา”
มีคำพูดที่อยากจะบอกกัน แต่ยังไม่ได้บอกไหม?
เขตต์ “อยากบอกว่าขอบคุณ ที่อยู่ร่วมกันมา ปีนี้เข้าปีที่ 16 ก็อยู่ด้วยกันมา 16 ปี ขอบคุณที่อดทนกันมา จนกระทั่งมาถึงวันนี้ ขอบคุณที่ทำให้มีเสียงหัวเราะและรอยยิ้มเสมอ ขอบคุณที่ให้ลูกชายสมอย่างที่อยากได้”
แนท “ต้องบอกว่าวันที่พี่เขตต์สัญญา วันที่เขาคุกเข่าขอแต่งงาน เขาสัญญาไว้อย่างหนึ่งว่าเขาจะไม่ปล่อยมือ คือเราอยู่ด้วยกันมาเยอะมาก มันจะมีช่วงที่ทุกข์ที่สุดของชีวิต เขาก็ไม่เคยปล่อยมือจริง ๆ คือแนทเป็นคนธรรมดาเราก็ต้องมีวันที่ดี และในวันที่เราเป็นนางมาร คือมันก็มีวันที่เราร้าย เราก็ไม่ได้ดีร้อยเปอร์เซ็นต์ขนาดนั้น ณ วันที่เราร้ายที่สุด เขาก็ยังไม่ปล่อยมือ เราก็ขอบคุณค่ะ (ยิ้ม)”
อยากบอกอะไรแฟน ๆ ที่รักทั้งคู่บ้าง?
เขตต์ “ขอบคุณที่เป็นกำลังใจ ขอบคุณที่ซัพพอร์ตคู่เรา จริง ๆ เราก็เป็นคู่รักธรรมดา ที่บังเอิญมาวนเวียนอยู่ในวงการบันเทิง เราก็แฮปปี้กับสิ่งที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ ก็ฝากแฟน ๆ ซัพพอร์ตสิ่งที่พวกเราสองคนทำ สิ่งที่ครอบครัวของเราได้สร้างขึ้นมา ฝากติดตามผมและลูก ๆ จากกองทัพโปรดักชันด้วยนะครับ เราทำงานต่าง ๆ ผลิตออกมาในวงการบันเทิงครับ”
แนท “ขอบคุณที่ให้ความรัก ไม่ว่าจะเป็นแฟนคลับพี่เขตต์เอง ที่เผื่อแผ่ความรักมาหาแนทด้วย แล้วก็ขอบคุณที่ติดตามกันมาอย่างยาวนาน คือบางท่านก็ติดตามพี่เขตต์มาตั้งแต่เข้าวงการ จนวันนี้มาอีกพาร์ตนึงของชีวิต ดีใจที่ยังติดตามและเดินไปด้วยกัน และก็ยังอยากให้เดินด้วยกันต่อไปยาว ๆ นะคะ”
ยิ่งได้พูดคุยและเห็นทั้งสองคนที่มีความรักให้กันและดูแลกันดีอย่างนี้ ก็ยิ่งทำให้แฟน ๆ ได้เข้าใจง่ายขึ้นในคำว่า “เนื้อคู่” และ “พรหมลิขิต” จริง ๆ เพราะคู่กันแล้วก็ไม่แคล้วจากกันแน่นอนเหมือนกับ “เขตต์-แนท” นั่นเอง.
เรื่อง : สมคิด แซ่คู