ประเทศไทยเคยได้รับการยกย่องว่ามีระบบการสาธารณสุขที่ดีอันดับต้น ๆ ของโลก แม้แต่องค์การสหประชาชาติ (UN) ยังชื่นชมระบบหลักประกันสุขภาพ (บัตรทอง) ของไทย

แต่การยกย่องชมเชยดังกล่าว กลับต้อง “พังทลาย-ล้มเหลว” ในยุครัฐบาลทหารซ่อนรูป ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อชาวบ้านหันไปพึ่ง “กระชายขาว” เรียกว่าควานหาซื้อจนขาดตลาด ถึงขั้นแม่ค้าขนมจีนน้ำยาบ่นว่ากระชายกลายเป็นของหายาก แถมราคาแพงกก.ละ 180-200 บาท เนื่องจากชาวบ้านซื้อไปต้มกินแก้โควิด-19

ระบบการสาธารณสุขไทยพังทลาย-ล้มเหลวย่อยยับ! เมื่อประชาชนแห่ไปเข้าแถวรอซื้อสมุนไพร “ฟ้าทะลายโจร” กันจนแน่น รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี เพื่อกินฟ้าทะลายโจรป้องกันโควิด-19 กำลังระบาดหนักทั่วประเทศ

นี่คือสภาพที่เกิดขึ้นยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ที่แทงม้า 2 ตัว สั่งซื้อวัคซีนมาให้คนไทยฉีดฟรี! แค่ 2 ยี่ห้อ แต่เดี้ยงทั้ง 2 ยี่ห้อ โดยตัวแรก “ซิโนแวค” สั่งเข้ามามาก แต่คนไม่อยากฉีดเพราะไม่มั่นใจประสิทธิภาพ ฉีด 2 เข็มก็ยังตาย จนเดี๋ยวนี้แพทย์-พยาบาลจำนวนมากที่ฉีดซิโนแวคไปแล้ว 2 เข็ม ต่างร้องหาวัคซีน “ไฟเซอร์-โมเดอร์นา” กันทั้งนั้น

ส่วนตัวที่ 2 แอสตราเซเนกา รัฐบาลสั่งเข้ามาไม่พอฉีดให้ประชาชน ปัจจุบันหลายโรงพยาบาลประกาศหยุดฉีดวัคซีนแอสตราฯ เนื่องจากไม่ได้รับการจัดสรรวัคซีนตัวนี้

ความหวังของคนไทยจึงอยู่ที่วัคซีนทางเลือก คือ “ซิโนฟาร์ม” ทยอยฉีดมาตั้งแต่ปลายเดือน มิ.ย. 64 บางคนได้ฉีดฟรี! แต่คนอีกจำนวนไม่น้อยต้องจ่ายเงินเอง! รวมทั้ง “วัคซีนบริจาค” จากญี่ปุ่น (แอสตราฯ 1.05 ล้านโด๊ส) และรัฐบาลสหรัฐคือไฟเซอร์ 1.5 ล้านโด๊ส จะมาถึงไทยสัปดาห์หน้า โดยสหรัฐแจ้งด้วยว่าวัคซีนลอตนี้มีมูลค่า 30 ล้านดอลลาร์ฯ

“พยัคฆ์น้อย” เปิดเครื่องคิดเลข คิดต้นทุนวัคซีนไฟเซอร์ของสหรัฐประมาณโด๊สละ 20 ดอลลาร์ (656 บาท) รัฐบาลไทยควรสั่งซื้อตั้งแต่ต้นปี 64 หรือช้าสุดช่วงต้นเดือน เม.ย. 64 ที่มีการระบาดโควิดรอบ 3 เพราะค่าวัคซีน บวกกับค่าขนส่ง และค่าอะไรต่าง ๆ เหมาไปเลยโด๊สละ 1,000 บาท

ถ้าฉีดคนละ 2 โด๊ส ก็เท่ากับ 2,000 x 65 ล้านคน (จำนวนประชากร) จ่ายแค่ 1.30 แสนล้านบาท เอง! รัฐบาล Very กู้ ขอกู้พิเศษรอบแรก 1 ล้านล้านบาท เมื่อเดือนเม.ย.63 เอามาแจกสะเปะสะปะหมดไปแล้ว! ต้องกู้พิเศษรอบ 2 กลางปี 64 อีก 5 แสนล้านบาท แต่รัฐบาลเพิ่งตื่น! ลงนามซื้อไฟเซอร์ 20 ล้านโด๊ส เมื่อ 2 วันก่อน คาดว่าจะได้วัคซีนในไตรมาส 4/64

รัฐบาลนี้ถนัดมากกับการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ฉุกเฉิน! เฉพาะกฎหมายที่ออกมาบีบบังคับประชาชน แต่ปล่อยให้มีการจัดซื้อจัดจ้างโดยไม่ผ่านกรมบัญชีกลางเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะการสั่งซื้อวัคซีนแพง ๆ แต่ถูกตั้งคำถามว่าคุณภาพต่ำ สั่งซื้อกันแบบตะบี้ตะบัน จึงไม่รู้ว่ามีเงินไหลไปเข้ากระเป๋าใครหรือไม่?

“พยัคฆ์น้อย” ไม่คาดหวังการตรวจสอบจาก ป.ป.ช. แต่อยากบอก พล.อ.ประยุทธ์ว่ามีหลายกลุ่มแสดงออกถึงความไม่เชื่อมั่น ไม่พอใจรัฐบาล ทั้งผู้ตรวจการแผ่นดิน-ทีดีอาร์ไอ-หมอไม่ทน-หมอรามาฯ ไม่ต้องพูดถึงประชาชนทุกสาขาอาชีพที่ล้มตายคาบ้าน ตายบนถนน คนไข้รอเตียง คนอดอยากไม่มีจะกิน และคนตกงาน เขาไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์อยู่แล้ว!

ที่สำคัญคือต่อจากนี้ การเมืองนอกสภาจะร้อนแรงกว่าการเมืองในสภา เพราะปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาโควิด-19 แต่พล.อ.ประยุทธ์ยังถนัดกับ “มุกแป้ก” ประกาศสู้กับสงครามโควิดจนกว่าจะได้รับชัยชนะ โดยไม่รู้ตัวว่าคนส่วนใหญ่ไม่เอาคุณแล้ว เพราะเขารู้กันเต็มอกว่าถ้าอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์แล้วไม่มีอนาคต!

สภาพหลังจากนี้ของ พล.อ.ประยุทธ์คือต้องรู้จักคำว่า “สปิริต” ต้องรู้จักคำว่า “ยกธงขาว” ด้วยการยุบสภาหรือลาออก แต่ถ้าไม่รู้จักการยกธงขาว ก็ไม่แน่สุดท้ายอาจต้องเตรียมหาที่อยู่ใหม่ในต่างประเทศหรือไม่

พยัคฆ์น้อย