วันที่ 21 พฤษภาคม 2565 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เป็นประธานการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค ที่โรงแรม เซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ โดยนายจุรินทร์ กล่าวว่า ขอต้อนรับท่านรัฐมนตรีการค้าเอเปค ผู้แทนสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค และผู้เข้าร่วมประชุมทุกท่านเข้าสู่การประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปคประจำปี 2022 ซึ่งประเทศไทยมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสเป็นเจ้าภาพ จัดการประชุมขึ้นในรูปแบบกายภาพอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่เอเปคมีความจำเป็นต้องจัดการประชุมผ่านระบบออนไลน์ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

สำหรับการประชุมรัฐมนตรีการค้าครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้รัฐมนตรีได้ร่วมหารือ เพื่อกำหนดแนวทางขับเคลื่อน การดำเนินการเอเปคให้มีความคืบหน้าต่อไป โดยเฉพาะวาระการดำเนินการสำคัญ คือ เอฟทีเอ เอเปค รวมทั้งการส่งเสริมการค้าในระบบพหุภาคีและการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการเติบโตในสถานการณ์ โควิด-19 และอนาคต

ประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพได้กำหนดธีมหลักในการประชุมเอเปคในปีนี้ คือ “Open. Connect. Balance” โดย OPEN คือการเปิดขว้างไปสู่ทุกโอกาสด้านการค้าการลงทุน และการส่งเสริมการรวมตัวทางเศรษฐกิจและการขับเคลื่อนการจัดทำ FTAAP ผ่านมุมมองใหม่ที่เรียนรู้จากสถานการณ์ โควิด-19 เพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ให้ทุกภาคส่วนในสังคม ส่วน CONNECT คือการเชื่อมโยงในทุกมิติโดยเฉพาะการฟื้นฟูการเดินทางระหว่างกันที่ สะดวกและปลอดภัย รวมทั้งความเชื่อมโยงทางดิจิทัลและห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาค และสุดท้าย BALANCE คือการสร้างสมดุลของการเจริญเติบโตและการพัฒนาอย่างรอบด้าน ผ่านการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ โดยประเด็นสำคัญคือการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและสร้างความมั่นคงทางอาหาร การเกษตร เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน

ทั้งนี้ประเทศไทยได้นำโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียวหรือที่เรียก BCG Model (Bio-Circular-Green Economy) มาเป็นแนวทาง หรือแนวคิดหลักในการขับเคลื่อน SMEs และ Micro SMEs ของทุกเขตเศรษฐกิจ ทั้ง 21 เขต ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพถือว่าประเด็นนี้เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่มีความสำคัญ โดยได้มีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของเอเปคในภาพรวมจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระดับปานกลาง GDP ของเอเปค ขยายตัวร้อยละ 5.9 ในปี 2564 และจะขยายตัวต่อเนื่องในอัตราร้อยละ 4.2 ในปี 2022 และน่าจะขยายตัวร้อยละ 3.8 ในปี 2023 นอกจากนี้ในปีที่ผ่านมาเอเปคยังได้มีการรับรองวิสัยทัศน์ปุตราจายา ปี 2040 และแผน “เอาทีอารอ” ที่ได้กำหนดวิสัยทัศน์และแนวทางการดำเนินให้กับเอเปค เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ผ่านการสนับสนุนระบบการค้าแบบพหุภาคีและการพัฒนาการค้าดิจิทัลและอีคอมเมิร์ซ การส่งเสริมและฟื้นฟูเศรษฐกิจการสร้างความเชื่อมโยงในทุกมิติ ทั้งคนสินค้าและบริการรวมทั้งระบบการขนส่งการเดินทางของประชาชนและกฎระเบียบ การส่งเสริมให้วิสาหกิจเข้าไปมีส่วนร่วมในห่วงโซ่อุปทานโลก และการตอบสนองวิกฤติในอนาคตได้อย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะนำไปสู่การเติบโตที่ครอบคลุมทั่วถึงและยั่งยืนของภูมิภาคเอเปคต่อไป

ตนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผลของการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปคในปีนี้ จะมีส่วนสำคัญในการช่วยกำหนดทิศทางเชิงนโยบายในการฟื้นฟูและกระตุ้นการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคในด้านต่างๆ ภายหลังยุคโควิด-19 และเตรียมรับมือกับวิกฤติที่คล้ายคลึงกันในอนาคตได้เป็นอย่างดี ขอให้ทุกท่านใช้โอกาสของการประชุมครั้งนี้ขับเคลื่อนการดำเนินการของเอเปคให้มีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป