เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม กลายเป็นประเด็นที่น่าสนใจสำหรับประชาชนรวมถึงเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคง กรณีมีการออกกฎหมายเกี่ยวกับการปลูกกัญชาเสรี โดยขบวนการกฎหมายจะเสร็จสมบูรณ์และมีการประกาศปลดล็อกเป็นทางการในวันที่ 9 มิ.ย.นี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมการปลูกกัญชาเพื่อการแพทย์ กระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้กับชุมชน แต่ยังเป็นปัญหาสำหรับการปฏิบัติหน้าที่คุมเข้มสกัดกั้นป้องกันปราบปรามการลักลอบการนำเข้ายาเสพติดในพื้นที่ชายแดน เนื่องจากยังมีการลักลอบนำเข้ากัญชาอัดแท่งมาต่อเนื่อง โดยยังไม่มีรายละเอียดความชัดเจนเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคง

ทำให้เป็นปัญหาสำคัญที่หน่วยงานตำรวจจะต้องเร่งหารือหน่วยงานความมั่นคงเพื่อวางมาตรการป้องกันขบวนการค้ากัญชาข้ามชาติใช้ช่องว่างในการลักลอบขนส่งข้ามประเทศมาตามแนวชายแดน โดยจากข้อมูลการจับกุมในช่วง 2 ปี ที่ผ่านมาคือปี 2564-2565 มีการจับกุมตรวจยึดกัญชานำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านเกือบ 20 ตัน รวมกว่า 200 คดี ผู้ต้องหามากกว่า 200 คน ซึ่งจะต้องมีการพิจารณาให้พ้นความผิดตาม พ.ร.บ.กัญชง กัญชา รวมถึงมีการแก้กฎหมายนำกัญชา ออกจากบัญชียาเสพติดประเภท 5 เนื่องจากพื้นที่ชายแดนจ.นครพนม มีการตรวจยึดจับกุมเป็นจำนวนมาก และอนาคตอาจจะเป็นช่องว่างให้ขบวนการค้ากัญชาข้ามชาติ ลักลอบนำเข้ามากขึ้น

พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า หลังปลดล็อกในวันที่ 9 มิ.ย. จะต้องมีการหารือวางแนวทางกับหน่วยงานความมั่นคง เกี่ยวกับระเบียบปฏิบัติเพื่อป้องกันไม่ให้ขบวนการค้ากัญชาข้ามชาติใช้ช่องว่างกฎหมายลักลอบนำเข้ามากขึ้น เพราะตำรวจจะไม่สามารถแจ้งข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติดได้อีก ทั้งพนักงานสอบสวน ชุดสืบสวนปราบรามยาเสพติด จะต้องหารือวางแนวทางการทำงานชัดเจน ไม่ให้ขัดกับกฎหมาย ส่วนการนำเข้าตามแนวชายแดนยังเป็นเรื่องใหม่ ที่ต้องหารือหลายฝ่ายกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง แต่เชื่อว่าจะต้องมีความชัดเจนและจะต้องวางมาตรการไม่ให้มีการลักลอบนำเข้ากัญชามากขึ้น เพราะ จ.นครพนม ถือเป็นพื้นที่ชายแดนสำคัญที่ลักลอบนำเข้าต่อเนื่อง อีกทั้งยังต้องหารือเกี่ยวกับการพิจารณาความผิดของผู้ต้องหาที่อยู่ระหว่างดำเนินคดี รวมถึงของกลางที่มีการตรวจยึดไว้ให้สอดคล้องกับกฎหมายใหม่