นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ขณะนี้ทราบว่า จังหวัดชายแดนมีการลักลอบนำเข้าเมล็ดพันธุ์กัญชา และต้นกล้ากัญชาเป็นจำนวนมาก และขายทั้งเมล็ดพันธุ์และต้นกล้าอย่างแพร่หลาย ทั้งที่กรมวิชาการเกษตรได้ออกประกาศควบคุมนำเข้าเมล็ดพันธุ์กัญชาและควบคุมป้องกันโรคและแมลงศัตรูพืชที่ติดมากับเมล็ดพันธุ์อย่างเข้มงวด  

เบ้องต้นได้รายงานให้ น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ได้รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้วและได้สั่งการให้กรมวิชาการเกษตร เร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของเกษตรกรและป้องกันไม่ให้มีแมลงศัตรูพืชต่างถิ่นติดเข้ามาแพร่ระบาดภายในประเทศ ซึ่งกรมวิชาการเกษตรได้ดำเนินการตามข้อสั่งการ ดังนี้ 1.ด่านตรวจพืชทุกด่านตรวจการนำเข้าเมล็ดพันธุ์และต้นกล้ากัญชาอย่างเข้มงวด และให้อธิบดีสนับสนุนอัตรากำลัง เครื่องมือ และอุปกรณ์เพื่อการป้องกันการลักลอบนำเข้าเมล็ดพันธุ์และต้นกล้ากัญชาจากประเทศเพื่อนบ้าน “เป็นการเฉพาะกิจ”

2. ให้บังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มคนที่ลักลอบนำเข้าเมล็ดพันธุ์และต้นกล้ากัญชาอย่างรุนแรงและทันที ตามโทษสูงสุดที่กฎหมายทุกฉบับที่บังคับใช้อย่างจริงจัง 3. ให้ประสานงานทุกหน่วยราชการสังกัดกระทรวงเกษตรในพื้นที่ให้ช่วยบูรณาการจัดการการลักลอบนำเข้าเมล็ดพันธุ์และต้นกล้ากัญชา และอำนวยความสะดวกกับทุกหน่วยงานที่สนับสนุน 4. ให้ขอความร่วมมือ สนับสนุนและปฏิบัติการร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ สตช. เจ้าหน้าที่กรมศุลกากร และเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเพื่อป้องกันการลักลอบ และการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายนี้เป็นงานสำคัญเร่งด่วน 5. ให้รายงานผลการปฏิบัติงานให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทราบทุกระยะ พรัอมกับขอให้พี่น้องสื่อมวลชนทุกแขนงเพื่อเป็นหูเป็นตาให้ทางราชการด้วย 6. ประชาชนสามารถรายงานตรงเจ้าหน้าที่กรมวิชาการเกษตร ได้ที่สายด่วน 1174 หรือ เจ้าหน้าที่กรมวิชาการเกษตร และเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นทุกจังหวัด

“การนำเข้าเมล็ดพันธุ์ควบคุมโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดตามพระราชบัญญัติพันธุ์พืชมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนการนำเข้าที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายกักพืช นำเข้า/นำผ่านโดยไม่มีใบอนุญาตนำเข้า ไม่นำเข้า/นำผ่านทางด่านตรวจพืช  มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”