เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. เวลา 08.45 น. ที่โถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นำ พญ.โศรยา ธรรมรักษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี พร้อมผู้บริหาร เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เพื่อนำเสนอนิทรรศการกัญชาทางการแพทย์เพื่อประโยชน์ทางสุขภาพ เพิ่มคุณภาพชีวิต 

ทั้งนี้ น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวระหว่างการชมนิทรรศการฯ ว่าที่รัฐบาลได้มีนโยบายส่งเสริมการใช้กัญชาทางการแพทย์ เพราะเชื่อว่าจะเกิดประโยชน์มากกว่าโทษอย่างแน่นอน ทั้งประโยชน์เพื่อการรักษาและบรรเทาโรค ตลอดจนทางด้านเศรษฐกิจ โดยขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเน้นย้ำประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง และใช้ประโยชน์จากกัญชาอย่างปลอดภัย ส่วนมาตรการควบคุมที่ออกมาก่อนหน้านี้ ก็ขอให้ดำเนินการให้เกิดผลบังคับในทางปฏิบัติต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจำกัดการเข้าถึงของกลุ่มที่ต้องได้รับการปกป้อง อาทิ เยาวชน ขณะที่ในนิทรรศการดังกล่าว รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้นำเสนอข้อมูลทางวิชาการที่เกิดจากการปฏิบัติจริง ทั้งการปลูกแบบอินทรีย์ การสกัดและการผลิตยารวมถึงการติดตามความปลอดภัยของกัญชา ซึ่งโรงพยาบาลฯ ได้ถ่ายทอดองค์ความรู้ทั้งหมดให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการที่สนใจไปบางส่วน ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมจัดทำเป็นชุดข้อมูล เพื่อกระจายไปยังผู้ที่สนใจในวงกว้างขึ้น

โดย รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้พัฒนาฐานข้อมูลออนไลน์ เพื่อรวบรวมผลการรักษาด้วยยากัญชาจากโรงพยาบาลต่างๆ และสามารถพัฒนางานวิจัยจากฐานข้อมูลดังกล่าว อาทิ การใช้ยาสารสกัดกัญชาทีเอชซี ร้อยละ 1.7 ในผู้ป่วยมะเร็งระยะท้าย ผู้ป่วยปวดปลายประสาท ผลการรักษาด้วยยาน้ำมันกัญชาทั้ง 5 (ดอก เมล็ด ราก ใบ และกิ่งก้าน) ในผู้ป่วยนอนไม่หลับเรื้อรัง ซึ่งพบว่ามีผู้ป่วยลดการใช้ยานอนหลับร้อยละ 54.17 และหยุดการใช้ยานอนหลับร้อยละ 43.06 โดยยาทั้งหมดนี้อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ที่ประชาชนสามารถรับการรักษาได้หากมีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ ทั้งนี้ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร มีแผนการวิจัยยากัญชาทั้ง 5 เพื่อมาทดแทนยานอนหลับ ซึ่งถ้าพัฒนาสำเร็จและสามารถนำมาทดแทนยานอนหลับ จะลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศ และเพิ่มโอกาสส่งออก เพราะการนอนไม่หลับเป็นปัญหาสุขภาพของคนทั่วโลก อีกทั้งตลาดผลิตภัณฑ์และยานอนหลับทั่วโลกมีมูลค่า 2.4 ล้านล้านบาท  

นอกจากนี้ โรงพยาบาลยังอยู่ระหว่างการพัฒนาตำหรับยาอื่นๆ อาทิ ยากัญชาผสมขมิ้นชัน เป็นยาใช้ภายนอกในผู้ป่วยสะเก็ดเงินระยะแรก และการพัฒนากัญชาทางการแพทย์อย่างครบวงจรดำเนินการควบคู่ไปกับการทำความเข้าใจของสังคมให้ใช้กัญชาอย่างปลอดภัย โดยมีศูนย์ข้อมูลกัญชา ตอบคำถามภาคประชาชน ผ่านแชตบอท การฝึกอบรม และการจัดทำคู่มือการใช้ภาคประชาชน

ต่อมา นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นำคณะผู้บริหารเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงานพัฒนาระบบราชการของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ในงานนิทรรศการเนื่องในโอกาสคล้ายวันสถาปนาสำนักนายกรัฐมนตรี ครบรอบปีที่ 90 ในหัวข้อ “สำนักนายกรัฐมนตรีกับนวัตกรรมเพื่อการปฏิบัติราชการในยุคโควิด-19”   

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมผลการดำเนินงานพัฒนาระบบราชการของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี อาทิ ตู้ ปณ. 1111 ให้บริการรับเรื่องร้องทุกข์จากประชาชนทางจดหมายโดยไม่ต้องติดแสตมป์ สายด่วนของรัฐบาล หมายเลข 1111 ให้บริการ 24 ชั่วโมง แอพพลิเคชั่น PSC 1111 รับเรื่องร้องทุกข์ผ่านทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ จุดบริการประชาชน 1111 โดยผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 (ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.64 -27 มิ.ย.65) มีผลการดำเนินงานแก้ไขปัญหาในภาพรวมให้กับประชาชนได้ถึง 97% ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้แนะนำให้หน่วยงานดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลที่สนับสนุนส่งเสริมการให้บริการประชาชนด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี เพื่อเข้าสู่การเป็นภาครัฐดิจิทัล สามารถให้บริการประชาชนได้อย่างเต็มรูปแบบ มีประสิทธิภาพ โดยรัฐบาลมีนโยบายที่มุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ในระบบราชการ เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพ สะดวกรวดเร็ว ประชาชนได้รับประโยชน์อย่างครอบคลุมทุกมิติ

ทั้งนี้ การจัดนิทรรศการเนื่องในโอกาสคล้ายวันสถาปนาสำนักนายกรัฐมนตรี ครบรอบปีที่ 90 ประกอบด้วย นิทรรศการประดับเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 โดยสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้จัดทำเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 เพื่อจำหน่ายให้แก่ประชาชนทั่วไป ราคาเข็มละ 199 บาท นิทรรศการ “การพัฒนาระบบการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์” ของศูนย์บริการประชาชน (ศบช.) และนิทรรศการ “พัฒนาระบบราชการ เพื่อชีวิตที่ดีของประชาชน” โดยมีการนำเสนอพัฒนาการการเปลี่ยนแปลงระบบราชการในช่วง 5 ปี ของแผนปฏิรูปประเทศ (พ.ศ. 2561-2565) เป็นการยกระดับการให้บริการ โดยนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อให้เกิดการปรับปรุงงาน จนเป็นที่ประจักษ์