เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ที่กระทรวงสาธารณสุข นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข กล่าวถึงราชกิจจานุเบกษาประกาศเรื่อง การยกเลิกกรณีที่มีเหตุสมควรเกี่ยวกับโรคโควิด-19 เพื่อรองรับการเป็นโรคประจำถิ่น พ.ศ. 2565 มีผลให้กระบวนการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 จาก ยูเซ็ป พลัส ให้กลับไปเป็นการรักษาตามสิทธิ ว่าการประกาศให้ผู้ป่วยโควิด-19 กลับมารักษาตามสิทธิเดิม สิ่งที่จะยกเลิกคือการรักษาในระบบยูเซ็ปพลัส ที่ให้ประชาชนสามารถรับการรักษาและคัดครองใน รพ.รัฐและเอกชนได้ในช่วงก่อนหนานี้ ก็ยกเลิกแล้วให้กลับเข้ารับการรักษาตามสิทธิเดิมของตน ซึ่งการรักษายังฟรีเหมือนเดิม ส่วนกรณีเจ็บป่วยรุนแรงจากโควิดในระดับวิกฤติ ก็สามารถดูและในระบบยูเซ็ปปกติ ซึ่งมี 1669 เป็นผู้ประเมิน นอกจากนี้ยังมีการยกเลิกระบบการรักษาตัวเองที่บ้าน (Home Isolation) และ Hospital แต่ยังคงเหลือบริการสายด่วน 1330 ไว้ให้คำปรึกษาแก่ประชาน รวมถึงประสานหาเตียง เป็นต้น

นายสาธิต กล่าวต่อว่าสำหรับการเข้าสู่ระยะหลังการระบาดใหญ่ Post-Pandemic ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. เป็นต้นไป ไม่ได้แปลว่าเราจะถอดหน้ากากทั้งหมดแล้วไม่ป้องกันตนเอง ยังจำเป็นต้องป้องกันตนเอง เพราะยอมรับว่ามีการติดเชื้อมากขึ้น เหมือนอย่างสิงคโปร์ อังกฤษ ยุโรป ก็เพิ่มมากขึ้น แต่ตัวเลขที่มากขึ้น ยังไม่มีนัยสำคัญของผู้ติดเชื้อกับความรุนแรงและอัตราเสียชีวิต พอ 2 ตัวนี้ไม่เพิ่ม ศักยภาพเตียงก็ยังรับได้ ทั้งนี้รัฐบาล ศบค. และกระทรวงสาธารณสุข จะทำความเข้าใจกับประชาชนต่อไป ซึ่งจะเริ่มวันที่ 1 ก.ค. แล้ว

ทางด้าน ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ประกาศดังกล่าวสิ่งที่จะยกเลิก คือ การรักษาแบบ Home Isolation, Hospitel และกรณีของสิทธิ UCEP Plus ซึ่งเดิมให้ผู้ป่วยโควิดอาการสีเหลืองและสีแดง เป็นผู้ป่วยฉุกเฉินที่เข้ารับการรักษาสถานพยาบาลรัฐและเอกชนใดก็ได้ จะปรับให้ผู้ป่วยอาการสีเหลืองกลับมารักษาฟรีตามสิทธิ แบบผู้ป่วยนอกหรือผู้ป่วยในใน ขึ้นกับดุลยพินิจและการวินิจฉัยของแพทย์ ซึ่งจะมีแนวเวชปฏิบัติอยู่ ส่วนผู้ป่วยอาการสีแดงที่วิกฤติ ยังสามารถใช้สิทธิ UCEP เข้ารักษาแห่งใดก็ได้ตามเดิม ตามกระบวนการนั้น การตรวจหาเชื้อตามแนวทางของกรมควบคุมโรค ด้วย ATK เมื่อมีอาการ หากสงสัยอาการรุนแรงให้โทรฯ สายด่วน 1669 เพื่อประเมินความรุนแรงและเดินทางไปยังสถานพยาบาล ส่วนสายด่วน 1330 ยังให้ประชาชนที่ข้องใจสอบถามได้ หรือช่วยเหลือประสานหาเตียง ทั้งนี้จะเร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน เนื่องจากเข้าใจว่าประชานคุ้นชินกับระบบมานานถึง 3 ปี ซึ่งตลอด 3 ปีที่ผ่านมา มีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลรวม 150,000 ล้านบาท