เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ชาวเน็ตบนโลกออนไลน์ต่างพากันแชร์ และให้ความสนใจกันเป็นจำนวนมาก ภายหลังสมาชิกผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า ปาล์ม มินิ ได้ออกมาแชร์ประสบการณ์เกิดอาการสมองตีบ อัมพาตครึ่งตัว แบบไม่มีสัญญาณเตือน โดยระบุเรื่องราวว่า

“แชร์เป็นวิทยาทานได้เลยคะ เตือนคนรัก อย่าเลื่อนผ่าน ถ้าคุณไม่ชอบดื่มน้ำเปล่า ภัยเงียบ รู้ไว้ก่อนจะสาย ไม่มีสัญญาณเตือน อัมพฤกษ์ คุณอาจไม่โชคดีเหมือนฉัน ตลอดเวลาหลายปี ฉันไม่เคยดื่มน้ำเปล่าเลย ใช่คะฟังไม่ผิด ไม่ว่าจะหิว เหนื่อย กระหาย หรือ หลังทานข้าวทานยา อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่น้ำเปล่าสีใสๆ ฉันทานได้หมด นมเปรี้ยว ชา โกโก้ น้ำอัดลม น้ำสี น้ำผลไม้ เครื่องดื่มชูกำลัง ที่พูดมาทั้งหมดนี้ฉันกินมันแทนน้ำเปล่าค่ะ เพราะคิดว่ายังไงมันก็คือน้ำ น้ำอ่ะ มันก็เหมือนกันป่ะ

จนเมื่อปีที่แล้ว ฉันเริ่มมีอาการปวดหัว ปวดแบบจี๊ดๆๆ แบบไมเกรน กินยาก็หาย แบบนี้ อยู่เดือนสองเดือน แล้ววันที่ 12/07/64 ฉันเข้าห้องน้ำ ทำธุระส่วนตัว อยู่ๆ ก็เหมือนคนปิดไฟแล้วเปิด พอฉันลุกขึ้นยืนตัวมันก็เอียงซ้ายอัตโนมัติ ผิดปกติแล้วฉันรีบตั้งสติเดินออกจากห้องน้ำ เรียกแฟน พอแฟนเข้ามา ฉันก็ล้มทั้งยืน ปากเบี้ยว ชาครึ่งซีกซ้าย อ้วกพุ่ง ที่บ้านพาฉันส่ง รพ.ภายใน 30 นาที ฉันเข้าอุโมงค์ MRI สแกน ผลปรากฏเส้นเลือดในสมองตีบ สมองบวม ถ้าไม่หยุดบวม ต้องผ่าสมอง นอนไอซียู ดูอาการ 2 คืน ตรวจสอบหาสาเหตุหัวใจ ทุกอย่างปกติ

สรุปฉันโชคดีมันหยุดบวมแต่ฉันเดินไม่ได้ ร่างกายซีกซ้ายของฉันมันไม่ทำงานเหมือนเดิม ทุกอย่างล้มเหลว ตาตก ปากเบี้ยวพูดไม่ชัด อาบน้ำเองยังไม่ได้ เดินไม่ได้ ฉันอยู่ รพ. 1 อาทิตย์ ต้องกายภาพเพื่อจะให้กลับมาเดินได้ ช่วยเหลือตัวเองให้ได้อีกครั้ง ฉันฟื้นฟูตัวเอง อยู่ 2 เดือนกว่า รักษาทุกอย่าง กินทุกยา ฝังเข็ม หมดหลายบาทมาก จนฉันกลับมาเดินได้ ร่างกาย 80% ไม่เต็ม 100 แต่แค่นี้มันก็ดีมากแล้ว

สรุป ที่ป่วยครั้งนี้ เพียงเพราะ ร่างกาย ฉันไม่ได้รับน้ำเปล่า ทำให้เลือดข้น เลือดหนืดมาก ไหลเวียนช้า จับตัวเป็นก้อน ดีที่ไม่กระทบเส้นเลือดสมองด้านความจำ หรือ ทำให้แตกฉันคงไม่มีโอกาสได้เล่าเป็นวิทยาทานให้ทุกคนฟังลุกขึ้นไปหยิบน้ำเปล่า กินด่วนค่ะ 12/7/65 ครบรอบ 1 ปี ยังไม่หายดี เสียเงินค่ารักษา ค่ายา แพงมาก ทั้งๆ ที่น้ำเปล่า เป็นยาที่ดีที่สุด และราคาไม่แพง”

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าว “เดลินิวส์ออนไลน์” ได้ติดต่อไปยัง น.ส.วิชิตา พันธุ์เรณู ชื่อเล่น ปาล์ม อายุ 29 ปี เจ้าของโพสต์ดังกล่าว โดยเจ้าตัวได้เปิดใจว่า “ตอนนี้อาการดีขึ้นแล้ว ข้างซ้ายที่ล้มเหลวก็เริ่มดีขึ้นมา 80% จากที่ตอนแรกเดินไม่ได้เลย แต่ทางฝั่งข้างซ้ายก็ยังมีแกว่งๆ อยู่ยังไม่หายปกติ ถ้าถามว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะหายปกติ 100% อันนี้ตอบไม่ได้เลย แต่นี่ก็ผ่ามาหนึ่งปีแล้ว ตอนนี้ก็ใช้ชีวิตปกติ การทรงตัวในการเดินได้ก็มีเซบ้าง

ส่วนสาเหตุน่าจะมาจากการไม่ดื่มน้ำเปล่าเลย เพราะตอนแรกหาสาเหตุที่เป็นไม่เจอ ทั้งที่ตรวจทุกอย่างของร่างกาย ตรวจเลือด ตรวจระบบต่างๆ ก็ยังไม่เจอ คุณหมอก็เลยสันนิษฐานมาที่เลือดข้นมากเลยทำให้ไม่ขึ้นไปเลี้ยงสมองส่วนบน และสาเหตุที่เลือดข้นก็มาจากการไม่ดื่มน้ำเปล่า เพราะตัวหนูเองไม่ดื่มน้ำเปล่ามา 8 ปีเต็ม ที่จำได้ไม่ว่าจะกินยาหรือจะกินกับอะไรต้องเป็นน้ำสี หรือจะไม่มีน้ำกินจริงๆ หนูก็กินกับนมเปรี้ยว

ตอนแรกที่ป่วยตกใจมาก เพราะหนูเป็นเสาหลักของครอบครัว ไม่ได้เตรียมใจอะไรไว้เลยเรื่องนี้ ตอนกลางคืนยังใช้ชีวิตปกติอยู่เลย แล้วพอมาเป็นแบบนี้อาการตอนแรกน่ากลัวมากเลย ปากเบี้ยวพูดไม่ชัด อ้วกแตก หนูล้มทั้งยืน แต่ก็โชคดีที่หนูไปโรงพยาบาลเอกชนตอนนั้นมันมีโควิดก็เลยทำให้ยังไม่ต้องตรวจ หนูก็เข้าไปสแกนสมองก่อนเลย ถ้าไปโรงพยาบาลรัฐก็คงน่าจะเสียชีวิตแหละพี่ เพราะว่าต้องตรวจโควิดแล้วรอผลอีก ซึ่งโรคนี้ให้ได้ไม่เกิน 30 นาทีถึง 45 นาที ตอนที่หนูเป็น หนูคิดอย่างเดียวว่าหนูต้องหายเพราะภาระหนูเยอะมาก แต่ก็แปลกใจมากตอนที่หนูเป็นหนูไม่เคยร้องไห้เลยนะ งงมากหรือว่าลืม

จริงๆ หนูมีลูกมีแม่คอยดูแล แล้วก็สามีหยุดงานเลย มาพาหนูกายภาพทุกวันจูงดูเดิน แต่แค่สองเดือนก็กลับมาขายของได้แล้ว งงเหมือนกัน แต่ว่าตอนนั้นมันก็ยังไม่ดีมากหนูพยายามไม่ใช้มือซ้ายเลยนะ เพราะมันสะบัด แต่ทุกวันนี้ก็พอใช้ได้แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ปกติ ทุกอย่างมันคงต้องใช้เวลาแหละ”

สุดท้าย น.ส.วิชิตา ได้ฝากถึงทุกคนด้วยว่า “อยากโพสต์เป็นวิทยาทานสำหรับคนที่ไม่ชอบดื่มน้ำเปล่า คิดว่ามันเป็นเรื่องใกล้ตัวมากเลย แถมยังเป็นภัยเงียบอีก แล้วก็คิดว่าหลายคนคงจะไม่โชคดีเหมือนหนู ชาเย็น ชาไทยนี้ คนน่าจะชอบมากน่าจะใช้ชีวิตประมาณเหมือนหนูเยอะ แต่สุดท้ายยาที่ดีที่สุดคือน้ำเปล่า ไม่อยากให้ทุกคนเป็นแบบหนู คุณหมอบอกว่าโรคนี้มันเป็นโรคสำหรับผู้สูงอายุ แต่เดี๋ยวนี้มันไม่เลือกอายุแล้ว”..

ขอบคุณภาพประกอบ : ปาล์ม มินิ