จากกรณี มีโรงเรียนแห่งหนึ่งซึ่งมีแต่ครูหญิงมาบรรจุทำงานในโรงเรียน โดยไม่มีครูชายมาบรรจุแต่อย่างใด จนสุดท้ายต้องมีการบนบานศาลกล่าว เพื่อให้ได้ครูชายมาอยู่ในสังกัด ซึ่งปรากฏว่าได้มาจริง ๆ จนต้องรำแก้บนรอบโบสถ์ 9 รอบ จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ตามที่ปรากฏเหตุการณ์ไปแล้วนั้น เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 18 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเพจเฟซบุ๊ก “วันนั้นเมื่อฉันสอน” ซึ่งเป็นของครูคนหนึ่ง ได้แสดงความเห็น มุมมอง และแง่คิดในประเด็นเกี่ยวกับ “ครูผู้ชาย” ว่า ทำไมถึงต้องบนเพื่อให้ได้ครูชายมาในโรงเรียน? เล่าเรื่องว่าถ้าท่านเป็นครูผู้ชายคนเดียวในโรงเรียนขนาดเล็กจะต้องเจออะไร เมื่อได้มาครูชายคนนั้นจะต้องมีชื่ออยู่เวรกลางคืน 365 วัน และต้องบันทึกเวรทุกวัน 365 หน้า ทำหน้าที่ไม่ต่างจาก รปภ. คิดว่าเหนื่อยไหมที่ต้องเขียนอะไรเยอะ ๆ และต้องมานอนโรงเรียนไปคิดเอา

งานกีฬาต้องไปทำสนาม เช่นตีเส้น โรยแกลบ เตรียมน้ำมันคบเพลิง ต้องฝึกซ้อมทีมฟุตบอลตะกร้อ จะไปสอนเด็กเตะตระกร้อก็ต้องเดาะให้ดู ชอบไม่ชอบก็ต้องทำเพราะเขามองว่าครูผู้ชายต้องเป็นกีฬา ถ้าไม่เป็นก็ไปซ้อมขบวนพาเหรดหน่อย ซ้อมตีกลองนำขบวน ต้องเป็นครูดนตรีให้ได้ จากนั้นเป็นกรรมการตัดสินกีฬา เช่น ฟุตบอล วอลเลย์ ลูกออกลูกตกต้องดูให้ทัน เขามาเถียงก็ต้องสู้ให้ได้เพราะเป็นกรรมการห้ามกลัวคนโวยวาย จับล้ำหน้า ใบแดง จุดโทษ ต้องเป๊ะหมด กองลูกเสือโดยมากก็มักจะให้ครูผู้ชายเป็นคนเปิดถ้ามี จากนั้นทำฐานทุกอย่างต้องเป็นคนนำต้องทำให้ได้ ถ้าตีกลองเป็นไปตีกลอง

อุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องเสียง ปั๊มน้ำ เครื่องพรินต์ โปรเจคเตอร์ ต้องรู้จักต้องทำได้ มีแขกมาต้องไปตั้งเครื่องเสียง ไมค์ดังไม่ดังต้องรู้ ท่อน้ำแตกเด็กวิ่งมาบอกก็ต้องไปซ่อม หลอดไฟเสียก็ต้องเปลี่ยนให้เป็น ไม่ก็อยู่มืด ๆ อย่างนี้ งานภาคสนาม ออกแรงใช้กำลัง กางเต็นท์ ยกโต๊ะเก้าอี้ต้องนำเด็ก ถ้าไม่มีภารโรงก็ต้องแต่งกิ่ง ตัดหญ้า ปีนขึ้นไปติดป้ายไวนิลบนที่สูง ทาสี เทพื้น มีบ่อปลาเลี้ยงปลา มีไก่ไปโกยขี้ไก่ จับจอบจับเสียมไปลงแปลง พาเด็กไปวัดวันสำคัญทางศาสนา อย่างน้อยก็ประเคนของถวาย ถ้าเป็นมาก ๆ ก็นำสวดมนต์ มีงานบุญพาเด็กไปเสริฟน้ำรับส่งเด็ก มีรถกระบะก็ให้วิ่งงานโรงเรียน

ไม่ได้อคติทางเพศนะครับ แค่อยากเล่าว่า ความคาดหวังต่อครูผู้ชายต้องเป็นยังไง ครูผู้หญิงก็ถูกคาดหวังไม่ต่างกันเช่น ต้องรำเป็น จับผ้าได้ พิธีการ พิธีกร อื่น ๆ ไม่ขอเล่า ดังนั้นงดดราม่าเรื่องเพศเพราะไม่เหยียด เพียงเล่าให้ฟังว่าบ้านเราเป็นยังไง เห็นความบิดเบี้ยวในระบบการใช้ครูบ้างไหม ความคาดหวังว่าครูต้องเป็นทุกอย่าง ตอนเรียนก็ไม่เคยเข้าใจหรอกว่าทำไมการศึกษาบ้านเรารั้งท้ายชาติอื่น พอมาเห็นวิธีการใช้คนเเล้ว อ๋อ…ไม่แปลก แทบไม่สนับสนุนให้ได้สอน แค่ให้ครูมีชื่อเวรกลางคืนทุกวัน ขณะที่โลกมีกล้องวงจรปิดก็รู้แล้วล้าหลังขนาดไหน แล้วแบบนี้เหรอ เรียกปฏิรูปการศึกษา, ยกระดับ พัฒนา, เปลี่ยนแปลง แค่ใช้คน เคารพความเป็นคนและชีวิตส่วนตัวครูยังทำไม่ได้เลย แล้วปัญหาเหล่านี้ไม่มีคนรู้เหรอ ? เอาเป็นว่ามีคนรู้แต่…

ภายหลังจากข้อความดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปทำให้เกิดเสียงสะท้อนมากมาย ส่วนใหญ่มองว่าเป็นเรื่องจริง เพราะครูไม่ว่าจะชาย-หญิง ต้องทำงานตามที่ผู้บริหารสั่งการจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อนหรือมีความเป็นส่วนตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเตรียมการเรียนการสอนให้แก่เด็ก ๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก และเมื่อมีการกล่าวถึงปัญหาด้านการทำงานของครู ก็จะถ่ายงานไปให้คนอื่นทำก่อน แต่ท้ายที่สุดนโยบายของผู้บริหารโรงเรียน ก็ยังดึงเอาเวลาของครูไปจนไม่เหลือในแต่ละวันอยู่ดี

ที่น่าตกใจก็คือ เมื่อครูรุ่นใหม่เข้ามาเจอปัญหาแก้ไม่ตก ส่วนใหญ่ยอมที่จะลาออกไปทำอาชีพอื่น จนเกิดปัญหาขาดแคลนอาชีพครูขึ้นมาอีก ทั้งนี้มีหลายฝ่ายทราบข้อเท็จจริง แต่ก็ยังไม่เคยมีการแก้ไขอย่างจริงจัง ขณะที่ผู้บริหารส่วนใหญ่ก็ยังให้เหตุผลว่า “…ครูควรสะดวกใจที่จะทำงานหลาย ๆ อย่างต่อไป เพราะโรงเรียนไม่มีงบประมาณจ้างบุคลากรอื่นมาดูแล…”

ขอบคุณเพจเฟซบุ๊ก วันนั้นเมื่อฉันสอน