สืบเนื่องจากกรณี ประเทศไทยถูกสำนักผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) จัดอันดับสถานะทางการค้าอยู่ในบัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง (WL) ในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาตามกฎหมายการค้าสหรัฐอเมริกา มาตรา 301 พิเศษ ที่ทำให้ไทยต้องถูกตัดสิทธิพิเศษทางการค้าจากสหรัฐอเมริกา หมายความว่าประเทศไทยได้สูญเสียโอกาสทางการค้า ถูกประเมินต่ำ และลดมาตรการช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา จึงเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ในเชิงลบของประเทศ รัฐบาลจึงให้ความสำคัญและมีนโยบายในการปราบปรามเรื่องดังกล่าวอย่างจริงจัง กรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นหน่วยงานสำคัญที่มีหน้าที่ปราบปรามการกระทำความผิดที่เป็นเครือข่าย หรือที่มีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงมอบหมายให้ พ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะกำกับดูแลกองคดีทรัพย์สินทางปัญญา ดำเนินการอย่างเด็ดขาด ในการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา

เมื่อวันที่ 30 ส.ค. ที่โกดังเช่าเก็บสินค้าของกลาง บริษัท เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร พ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย ร.ต.อ.พลสัณห์ เทิดสงวน ผอ.กองคดีทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการบุกค้นแหล่งจำหน่ายสินค้า และโกดังเก็บสินค้า12 จุด ประกอบด้วย ตลาดโรงเกลือนครนายก 7 จุด และอาคารพาณิชย์ เขตบางบอน กรุงเทพมหานคร 5 จุด ในห้วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ได้ตรวจยึดสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และละเมิดเครื่องหมายการค้าระดับโลกหลายแบรนด์ หลากหลายรายการ อาทิ HERMES, LACOSTE CHANEL, LOUIS VUITTON, COACH เป็นต้น ประกอบด้วย กระเป๋า กางเกงยีน รองเท้า จำนวน 360,000 ชิ้น รวมมูลค่ากว่า 120 ล้านบาท โดยมูลค่าสินค้าตามราคาท้องตลาดเป็นเงินกว่า 100 ล้านบาท แต่หากคิดเป็นมูลค่าตามราคาของแท้ เป็นเงินกว่า 1,000 ล้านบาท

พ.ต.ท.พเยาว์ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้มีการจับกุมสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่จังหวัดนครสวรรค์ และจังหวัดร้อยเอ็ด จากการขยายผลพบว่า ได้นำสินค้าดังกล่าวมาจากตลาดโรงเกลือนครนายก ซึ่งเป็นแหล่งขายส่งสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ทางปัญญาแหล่งใหญ่อันดับต้นๆ ของประเทศไทย จึงตรวจสอบและลงพื้นที่ จนสามารถตรวจยึดสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ได้เป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นได้อายัดพร้อมตั้งข้อหาจำหน่าย เสนอจำหน่าย และมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอม เครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักร และซื้อหรือรับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของที่ยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร โดยของกลางทั้งหมดที่ตรวจยึดได้ นำมาเก็บไว้ที่โกดังของบริษัทเอกชน เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร เมื่อคดีสิ้นสุดก็จะนำไปทำลายตามขั้นตอนต่อไป

ขณะที่ ตัวแทนบริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์ เผยว่า การตรวจยึดครั้งนี้ เป็นครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ดำเนินการมา ซึ่งเชื่อว่าจะส่งผลต่อกระบวนการจำหน่ายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในประเทศไทยอย่างแน่นอน ที่จะไม่สามารถจำหน่ายได้โดยง่าย

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า มีการทลายโกดังเก็บสินค้าประเภทกางเกงยีนในพื้นที่ย่านบางบอน กทม. หลังได้รับการประสานจากตัวแทนเครื่องหมายการค้า LEVI’S, LEE และ MC ผลการตรวจค้นทั้ง 5 จุด เป็นอาคารพาณิชย์ เลขที่ 104/77, 104/78, 104/90, 104/91 และเลขที่ 101/97 ภายในหมู่บ้านย่านบางบอน พบสินค้าประเภทกางเกงยีนที่ละเมิดเครื่องหมายการค้าแบรนด์เนม ยี่ห้อ LEVI’S, LEE, MC รวมถึงส่วนประกอบในการตัดเย็บกางเกงยีนรวมกว่า 60,000 ชิ้น มูลค่าตามท้องตลาดกว่า 20 ล้านบาท หากคิดเป็นมูลค่าตามราคาของแท้เป็นเงินกว่า 100 ล้านบาท โดยยึดของกลางทั้งหมดไว้นำส่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษดำเนินคดี ในข้อกล่าวหาว่าจำหน่าย เสนอจำหน่ายและมีไว้เพื่อจำหน่ายสินค้าประเภทกางเกงยีนที่ละเมิดเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่น สำหรับปฏิบัติการทั้งหมดพบเป็นแหล่งลักลอบเก็บซุกซ่อนขนาดใหญ่ และเป็นสถานที่กระจายสินค้าเพื่อส่งขายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย