ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญสั่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี เกือบ 10 วัน

ภาพรวม กลไกการบริหารประเทศ ยังเดินหน้าไปได้แบบไม่มีติดขัด แม้ไม่มีขุนทหารชาติเสือที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์

จับสัญญาณจากการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดล่าสุดที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกฯ โชว์ความฟิต ทำหน้าที่นำประชุม ครม.แบบลากยาวไม่มีพักเบรก

ประเด็นสำคัญคือ ในวงประชุม ครม.มีการแก้คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีปี 2563 ให้ พล.อ.ประวิตร รักษาการนายกฯ มีอำนาจการแต่งตั้ง-โยกย้าย-ใช้งบประมาณ ได้โดยไม่ต้องผ่านความเห็นหรือปรึกษา พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีตัวจริง

ส่งผลให้พี่ใหญ่บิ๊กบราเธอร์ มีอำนาจประมุขฝ่ายบริหารเต็มสองมือ 100%

นำไปสู่ฉากผลการประชุม ครม.ที่ ‘บิ๊กป้อม’ นั่งหัวโต๊ะอนุมัติแต่งตั้งโยกย้าย ข้าราชการระดับสูงลอตใหญ่ 6 กระทรวง เพื่อจัดแถวก่อนรัฐนาวา ครบวาระต้นปี 2566

คู่ขนานกับการอนุมัติงบประมาณก้อนใหญ่ รวม 6.3 พันล้านบาท แบ่งเป็น 2 ก้อนย่อย

(1) ก้อนแรก 5,282 ล้านบาท ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เอางบไปปรับปรุงถนน-แหล่งเก็บกักน้ำที่เสียหาย เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนประชาชนพื้นที่ใน 69 จังหวัด จำนวน 2,086 โครงการ

โดยภาคอีสานได้งบ 19 จังหวัด 883 โครงการ วงเงิน 1,884 ล้านบาท, รองลงมา ภาคใต้ได้งบ 13 จังหวัด 323 โครงการ วงเงิน 1,438.24 ล้านบาท และภาคกลาง ได้งบ 16 จังหวัด 580 โครงการ วงเงิน 1,146.00 ล้านบาท

(2) ก้อนสอง 1,050 ล้านบาท สำหรับจ่ายค่าเสี่ยงภัยเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ให้กับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และ อาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร (อสส.) จำนวนมากกว่า 1 ล้านคน จ่ายอัตรา 500 บาทต่อคนต่อเดือน ตกเบิกย้อนหลังสำหรับเดือน เม.ย.-พ.ค.

ส่วนภารกิจวันที่ 1 ก.ย. พล.อ.ประวิตร มีกำหนดเดินสาย ลงพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อตรวจติดตามการผลิตน้ำประปา เพื่อการอุปโภคและบริโภค และเป็นประธานเปิดการสัมมนาและปาฐกถาในหัวข้อ “แนวทางส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”

ขณะที่ ดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.การต่างประเทศ ได้รับมอบหมายจากที่ประชุม ครม.ให้ไปการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (ยูเอ็นจีเอ) สมัยสามัญ ครั้งที่ 76 ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ช่วงปลายเดือน ก.ย.แทน พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯตัวจริง

ภาพกระดานการเมืองไทยนาทีนี้ เริ่มชัดเจน แม้ไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ ปฏิบัติหน้าที่นายกฯ แต่กลไกทุกอย่างเดินได้โดยอัตโนมัติ

ขณะที่นอกสภา อุณหภูมิการเมืองลดลง เนื่องด้วยไม่มีเงื่อนไขการชุมนุม ส่วนพรรคการเมืองต่างๆ เริ่มจัดค่ายคูประตูหอรบ สะสมกระสุนดินดำ เตรียมพร้อมทำศึกเลือกตั้งใหญ่ที่กำลังใกล้มาถึง

นักวิเคราะห์หลายสำนักมองข้ามชอต ไปถึงขั้นเส้นทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ กำลังเดินมาถึงจุดตีบตัน เดินหน้าต่อลำบาก

ขณะที่เส้นทางของพี่ใหญ่-พล.อ.ประวิตร เริ่มฉายแสง มีสิทธิก้าวขึ้นเป็นนายกฯ คนนอกคุมบ้านนรสิงห์ ที่ตั้งทำเนียบรัฐบาล โดยใช้ค่ายกลรัฐธรรมนูญฉบับดีไซน์มาเพื่อพวกเรา

บนสรุปเส้นทางการเมืองของของพี่ใหญ่-พล.อ.ประวิตร ในวัย 77 ปี จะเป็นเช่นไร ต้องตามติดชนิดไม่กะพริบตา!