ก่อนถึงวันตัดสินชี้ชะตา มาย้อนพลิกปูมประวัติย้อนหลังเส้นทางชีวิตของ “บิ๊กตู่” จากทหารเสือราชินี สู่บัลลังก์นายกรัฐมนตรี  พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 12 และเป็นนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 23 เริ่มต้นรับราชการทหารครั้งแรกในยศ ร.ต.ที่กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ หรือที่มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าหน่วย “ทหารเสือราชินี” ก่อนได้ขึ้นเป็นผู้บังคับการกรมฯ และได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ในปี พ.ศ. 2546 ในปี พ.ศ. 2548 ‘บิ๊กตู่’ ได้รับตำแหน่งเป็น รองแม่ทัพภาคที่ 1 ก่อนจะเลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ในปีถัดมา กระทั่งวันที่ 2 ก.ย. 2553 ได้รับแต่งตั้งให้เป็น “ผู้บัญชาการทหารบก” ต่อจาก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ที่เกษียณอายุราชการ 

“บิ๊กตู่” ถือเป็น ผบ.ทบ. ที่มีบุคลิกโดดเด่น แม้เป็นนายทหารที่มีบุคลิกเคร่งขรึม พูดจาตรงไปตรงมา ดุดัน แต่บางครั้งก็จะมีลูกเล่นเป็นสีสัน ในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน

ตลอดระยะการเป็น ผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ ผ่านเหตุการณ์ทางการเมืองหลายเหตุการณ์ กระทั่งมีชุมนุมของ กปปส. ที่นำโดย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งการชุมนุมขยายวงความขัดแย้งและยืดเยื้อกว่า 6 เดือน 

จนกระทั่ง พล.อ.ประยุทธ์ ได้ประกาศใช้ “กฎอัยการศึก” เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 2557 ทั่วราชอาณาจักร เพื่อรักษาความสงบ และจัดตั้งกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (กอ.รส.) ขึ้น พร้อมกับเป็นตัวกลางในการนำผู้ขัดแย้งทางการเมืองหาทางออกให้กับประเทศ สุดท้ายก็หาข้อสรุปไม่ได้ วันที่ 22 พ.ค. 2557 พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศยึดอำนาจและเข้าควบคุมการบริหารประเทศ 

ต่อมา 24 มีนาคม 2562 วันเลือกตั้งครั้งแรกหลังการรัฐประหาร พล.อ.ประยุทธ์ แคนดิเดตนายกฯ ในบัญชีพรรคพลังประชารัฐ ได้รับการโหวตจากทั้งสองสภาให้ได้เป็นนายกรัฐมนตรี และจัดตั้งรัฐบาล จากวันนั้นเดินมาถึงวันนี้ ชะตา “บิ๊กตู่” จะพลิกอีกหรือไม่ 30 ก.ย.นี้ รู้พร้อมกันทั่วประเทศ 

แต่ล่าสุด “โหรวันชัย” นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ออกมาฟันเปรี้ยงดูจากดวงดาวแล้ว..ไม่รอด โดยเฉพาะดาวอาทิตย์กับดาวศุกร์ เป็นอริกับดวงเมืองยิ่งไปกันใหญ่ ซ้ำแรงขึ้นๆ เสียด้วย พร้อมทิ้งท้ายว่า “ผู้หลักผู้ใหญ่ใครต่อใครที่มีอำนาจอยู่ในบ้านเมืองและอยู่ภายใต้อิทธิพลของดวงดาวเหล่านี้ ตามหลักโหราพยากรณ์ท่านว่า… ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี หนีไม่พ้น”

ข้ามเรื่องโหรและดวงดาว มาดูข้อกฎหมาย หาก “บิ๊กตู่” ไม่ได้ไปต่อ ก็จะเข้าสู่กระบวนการรัฐสภาโหวตเลือกนายกฯ โดยรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่าต้องเลือกคนที่มีอยู่ในตะกร้าบัญชีแคนดิเดตก่อน ยกเว้นไม่สามารถรวมเสียงได้ “เกินกว่ากึ่งหนึ่ง” อาจต้องมี นายกรัฐมนตรีคนนอก โดยใช้เสียง 2 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้ง 2 สภา (ส.ส. และ ส.ว.) เพื่อสถาปนานายกรัฐมนตรีคนนอกได้ ซึ่งเป็นอีกหนทางที่อาจเป็นช่องทำให้ “บิ๊กป้อม” ได้เป็นนายกฯ ก็เป็นได้

วันนี้ดู ‘พี่ใหญ่’ กระฉับกระเฉง บวกกระแสหนุนที่น่าจับตามอง แต่สุดท้ายแล้วการเมืองอะไรๆก็เกิดขึ้นได้ แต่ตำแหน่ง “นายกฯ” ก็อยู่ที่ชะตาฟ้าลิขิตด้วยเช่นกัน เพราะเห็นจากอดีตบางคนแต่งตัวรอแล้วสุดท้ายชะตาก็พลิกผันไม่ได้เป็น.