เมื่อวันที่ 30 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่ายวันที่ 29 ก.ย. ที่ผ่านมา ร.ต.อ.อำนาจ แก้วสว่าง รอง สว.(สอบสวน) สภ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ รับแจ้งคนจมน้ำหายไปในกระแสน้ำ บริเวณฝายน้ำล้นบ้านหนองแวง ต.หนองกุง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ 2 ราย จึงรีบรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ธวัชชัย แก้วเบ้า ผกก.สภ.โนนคูณ เจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง หน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทรา และ มูลนิธิสว่างจิตต์ศรีสะเกษธรรมสถาน ที่เกิดเหตุพบว่ามีญาติพี่น้องและชาวบ้านของผู้ที่จมน้ำหายจำนวนมากพากันมาช่วยงมหาร่างทั้งสองราย ทราบชื่อ นายสุวรรณ ยาศรี อายุ 80 ปี และ นางข่อง ยาศรี อายุ 71 ปี 2 สามีภรรยา ชาว อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ จึงให้เจ้าหน้าที่ช่วยกันค้นหาแต่เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากรุนแรง

กระทั่งเวลา 21.45 น. วันเดียวกัน (29 ก.ย.) พ.ต.อ.เทพพิทักษ์ แสงกล้า รอง ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ เดินทางมาอำนวยการในการค้นหา พร้อมให้กำลังใจครอบครัวญาติพี่น้องของ 2 ตายาย และประสานงานกับหัวหน้าเจ้าหน้าที่กู้ภัย หลายหน่วยกว่า 30 คนร่วมกันหาแนวทางในการค้นหาร่าง 2 ตายาย ซึ่งการค้นหาต้องใช้ชุดประดาน้ำในการดำน้ำค้นหา แต่ปรากฏว่า กระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากมากและความมืด เป็นอุปสรรคในการค้นหาเป็นอย่างมาก จนเวลาประมาณ 22.00 น. เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงหยุดทำการค้นหา เพื่อทำการประเมินสถานการณ์โดยจะทำการค้นหาใหม่ในรุ่งเช้าวันใหม่ (30 ก.ย.)

พ.ต.อ.เทพพิทักษ์ กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ 2 สามีภรรยา พากันเดินทางกลับมาจากการเลี้ยงหลานให้ลูกชายที่บ้านหนองกุง โดยพากันขี่รถจยย.กลับบ้านที่บ้านหนองแวงใต้ โดยนายสุวรรณ เป็นผู้ขี่รถ จยย.ฮอนด้า เวฟ สีแดง ทะเบียน 1 กฮ 306 เชียงใหม่ มีนางข่อง ซ้อน เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้ขี่ข้ามฝายน้ำล้นหนองแวง แต่ปรากฏว่า ระดับน้ำที่ไหลผ่านฝายน้ำล้นสูงมาก อีกทั้งกระแสน้ำค่อนข้างเชี่ยวกราก ถูกกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวพัดร่าง 2 ตายายไปพร้อมรถ จยย.จมหายไปต่อหน้ากลุ่มเด็กๆ ที่กำลังเล่นน้ำที่ฝาย เจ้าหน้าที่กู้ภัยและชาวบ้านระดมกันค้นหาตั้งแต่เวลาประมาณ 16.00-22.00 น. ก็ยังไม่พบร่าง พบเพียง รถ จยย.เท่านั้น

หลานสาวของ 2 ตายาย กล่าวว่า บริเวณฝายน้ำล้นแห่งนี้เกิดอุบัติเหตุบ่อยมาก ตนขอฝากถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องว่า ชีวิตคนมีค่า บริเวณฝายน้ำล้นแห่งนี้ควรที่จะมีอุปกรณ์ในการรักษาความปลอดภัยให้ชาวบ้านด้วย เช่น หลักวัดระดับน้ำ สะพานแขวน หรือรั้วกั้น เพื่อป้องกันอันตรายให้กับชาวบ้านที่ผ่านไปมาบริเวณนี้ อยากให้กรณีของปู่และย่าตนเป็นอุทาหรณ์ ไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวอื่นอีกต่อไป