เมื่อวันที่ 23 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุไม่คาดคิดในงานฌาปนกิจศพ ที่วัดศรัทธาประชาบูรณะ หรือวัดก้านเหลือง ต.หนองยายพิมพ์ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ หลังหน่วยกู้ภัยสยามร่วมใจปู่อินทร์บุรีรัมย์ รับแจ้งมีสัปเหร่อ และผู้ช่วยสัปเหร่อ บาดเจ็บ 3 ราย ไฟไหม้ตัว ระหว่างเผาศพ จึงรีบไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบชาวบ้านและเจ้าภาพงาน ต่างตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บริเวณเมรุเผาศพพบผู้บาดเจ็บโดนไฟลวก 3 ราย ประกอบด้วย หัวหน้าสัปเหร่อ และผู้ช่วยอีก 2 ราย สภาพแขนและใบหน้า รวมถึงเส้นผม มีรอยไหม้ ใกล้กันพบแกลลอนน้ำมัน 2 แกลลอน เจ้าหน้าที่เร่งปฐมพยาบาลนำส่งโรงพยาบาลนางรอง

สอบถามหัวหน้าสัปเหร่อ เบื้องต้นเล่าว่า ทำงานมานานเกือบ 38 ปี โดยปกติในการเผาศพในเมรุจะใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิง ประมาณ 1 แกลลอน หรือ 5 ลิตร เมื่อจุดไปแล้วจะค่อยๆติดไฟ จากนั้นก็จะปิดหน้าเตาเผา ก่อนเกิดเหตุทำพิธีเสร็จเห็นมีแกลลอนน้ำมันวางอยู่ 2 แกลลอน ซึ่งไม่ทราบว่าใครเอามาวางไว้ จึงหยิบมาทั้งสองเทผสมลงไปในเตาเผา หลังจากแขกวางดอกไม้จันทน์เสร็จเรียบร้อย จึงเอาดอกไม้จันทน์ไปจุดไฟแช็กแล้วโยนเข้าไปในเตาเผา ทันได้นั้นเปลไฟลุกพึ่บระเบิดออกมาเสียงดังสนั่น ทำเอาตนกับลูกต้องถูกไฟเผากระเด็นไปคนละทิศละทาง ถูกเปลวไฟเผาหน้ามือและผม บาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนสาเหตุเบื้องต้นคาดว่า น้ำมันในแกลลอนน้ำมันเป็นน้ำมันเบนซิน ติดไฟง่ายกว่า ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นของใครนำมาวางไว้ ยอมรับว่าพลาดที่ไม่ได้ไปซื้อน้ำมันเองเหมือนทุกครั้ง

สอบถามผู้ช่วยสัปเหร่อ เล่าว่า แกลลอนน้ำมันเบนซิน เป็นของเจ้าภาพซื้อใส่แกนลอนมาให้ แต่อีกแกลลอนไม่รู้มาจากไหน ก่อนเกิดเหตุหัวหน้าสัปเหร่อ หยิบแกลลอนแรกซึ่งเป็นดีเซลเทใส่แล้วแต่คงคิดว่าน้ำมันเผาศพอาจจะไม่พอ จึงเอาน้ำมันในแกลลอนอีกแกลลอน ซึ่งเป็นน้ำมันเบนซิน เทผสม โดยระหว่างเทน้ำมันที่ศพ สีและกลิ่นของน้ำมันเหมือนน้ำมันดีเซล จึงไม่ได้เอะใจอะไร จากนั้นนำศพเข้าเมรุใช้ไฟแช็ก จุดจึงเกิดระเบิดเพลิงพุ่งออกมารุนแรง เหตุการณ์แบบนี้คือใช้น้ำมันผิดประเภท ซึ่งถือว่าโชคดีไม่มีคนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ส่วนตนไม่เป็นอะไรมาก เพราะนั่งลงกับพื้นทัน ถูกไฟเผาเส้นผมนิดหน่อยเท่านั้น