เมื่อวันที่ 24 ต.ค. พ.ต.อ.สกล สิทธิวิชัย รองผบก.ภ.จ.หนองคาย, พ.ต.อ.ยุทธนา งามชัด ผกก.สภ.เมืองหนองคาย, พ.ต.ท.พุฒิชัย จันทร์ทอง สว.สส.,พ.ต.ต.อัครเดช พรมโสภา สวป., พร้อมตำรวจประจำด่านตรวจหนองสองห้อง ได้ร่วมกันสอบสวนจับกุม น.ส.ภาสินี บุญที อายุ 36 ปี ชาว จ.สมุทรสาคร พร้อมของกลาง เป็นยาเค และยาอี บรรจุในซองพลาสติกจำนวนมาก ซุกซ่อนในถุงกระสอบ วางไว้ด้านท้ายรถยนต์โตโยต้า อแวนซ่า สีดำ ทะเบียน ญร 6237 กรุงเทพมหานคร

พ.ต.อ.ยุทธนา งามชัด ผกก.สภ.เมืองหนองคาย กล่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำด่านตรวจหนองสองห้อง ได้ตั้งด่านตรวจการกระทำผิดกฎหมายตามปกติ บริเวณถนนมิตรภาพหนองคาย-อุดรธานี โดยพบว่ามีรถยนต์เก๋งสีดำ เลี้ยวเข้าปั๊มน้ำมันที่อยู่ใกล้จุดที่ตำรวจตั้งด่าน ตรวจลักษณะมีพิรุธต้องสงสัย จึงรีบตามเข้าไปตรวจสอบปรากฏว่า พบ น.ส.ภาสินี อยู่ในรถเพียงลำพัง ส่วนแฟนหนุ่มน่าจะหลบหนีไปก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อขอตรวจค้นรถปรากฏว่า พบยาเสพติดจำนวนมาก

ตำรวจประจำด่านตรวจหนองสองห้อง จึงเข้าไปตรวจสอบ พบ น.ส.ภาสินี นั่งอยู่เบาะหน้าข้างคนขับ แต่ไม่เห็นคนขับ สอบถาม น.ส.ภาสินี บอกว่า แฟนหนุ่มเป็นคนขับรถและจอดเข้าห้องน้ำในปั๊ม ตำรวจรออยู่สักพักเห็นผิดปกติจึงสอบถามอีกครั้ง น.ส.ภาสินี จึงบอกตำรวจว่า สงสัยแฟนหนุ่มจะหนีแล้ว และบอกตำรวจว่าในรถมียาเสพติด เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจดูก็พบถุงกระสอบวางอยู่ด้านหลังรถ เปิดดูพบว่าเป็นซองคล้ายซองชาและซองเกลือแร่จำนวนมาก ภายในซุกซ่อนยาเสพติดเป็นเม็ดสีต่าง ๆ เมื่อเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานหนองคายเข้าทำการตรวจสอบ จึงพบว่าเป็นยาเค และยาอี มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท

จากการสอบสวน น.ส.ภาสินี ให้การรับสารภาพว่า มีคนติดต่อให้แฟนหนุ่มมาขนยาเสพติดที่ จ.หนองคาย โดยจะมีรถยนต์เตรียมไว้ให้ แฟนหนุ่มจึงชวนตนมาขนยาเสพติด โดยขับรถจากกรุงเทพฯ ช่วงค่ำมาถึงหนองคาย ประมาณ 08.00 น. ก็ไปรับยาเสพติดที่มีคนเตรียมไว้ โดยตนไม่ทราบพิกัดแน่ชัด เมื่อได้ยาเสพติดแล้ว ก็จะมุ่งหน้ากลับเข้ากรุงเทพฯ แต่มาเห็นว่ามีตำรวจตั้งด่าน แฟนจึงเลี้ยวรถเข้าปั๊มน้ำมัน บอกว่าไปเข้าห้องน้ำ จากนั้นก็ไม่กลับมาอีก คาดว่าคงหลบหนีไปแล้ว สำหรับค่าขนยาเสพติดได้รับมาแล้ว 50,000 บาท ก่อนหน้านี้เคยทำมาแล้ว 3 ครั้ง กระทั่งมาพลาดในครั้งที่ 4 ถูกตำรวจตามจับจนได้.

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหา มียาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครอง และจะได้ติดตามตัวแฟนหนุ่ม ซึ่งเจ้าหน้าที่ทราบตัวบุคคลแล้ว มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.