จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนภาค 2 พร้อมฝ่ายปกครองจังหวัดชลบุรี เข้าทำการตรวจค้นผับ “คลับวัน” พัทยา สถานบันเทิงชื่อดังย่านพัทยาเหนือ จ.ชลบุรี โดยมีการปะทะคารมระหว่าง นายนิติพัฒน์ โชคชัยธนพร อายุ 45 ปี และ นายแบ้งค์ วรรณสีทอง อายุ 46 ปี ซึ่งเป็นผู้บริหารของผับดังกล่าว พูดพาดพิงข้าราชการระดับสูงของจังหวัดชลบุรี ว่า มีการจ่ายส่วย และนักท่องเที่ยวพากันแตกฮือ ฝ่าแนวกั้นไม่ให้ตรวจปัสสาวะ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมกำลังฝ่ายปกครองได้ตรวจยึดห่อพลาสติกใสบรรจุสิ่งคล้ายสารเสพติดเกลื่อนพื้น ก่อนแจ้งข้อหา นายมนู ยิ้มอยู่ อายุ 37 ปี พนักงานที่ดูแล 4 ข้อหา คือ 1.จำหน่ายสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.จำหน่ายสุราเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด 3.เปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต 4.ยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้มีการพกพาอาวุธ วัตถุระเบิด หรือยาเสพติดเข้าไปสถานที่ของตน ส่งตัวให้ สภ.เมืองพัทยา ดำเนินคดีตามกฎหมายนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 25 ต.ค. ณ ห้องประชุมชลบุรี ศาลากลางจังหวัดชลบุรี นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี พร้อมด้วย พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ร่วมกันแถลงข่าวถึงกรณีดังกล่าว

โดยนายธวัชชัย กล่าวว่า กรณีปรากฏข่าวสารที่เจ้าของสถานประกอบการคลับวันได้พูดว่า “ดูแลทุกหน่วยงาน ได้เคยกินข้าวกับผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี” ตนขอชี้แจงว่า ไม่มีนโยบายในการเรียกรับสินบนจากสถานบริการ หรือการกระทำผิดใดๆ ได้กำชับให้ฝ่ายปกครองเร่งกวดขันปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามนโยบายอย่างเคร่งครัด ไม่มีนโยบายผ่อนปรน ผ่อนผันนอกเหนือไปกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ และยืนยันว่า ไม่เคยรู้จักนายนิติพัฒน์ และไม่เคยร่วมรับประทานอาหารด้วย ในกรณีมีโพยรายชื่อสถานประกอบการในพัทยา จำนวนเงิน และภาพข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ร่วมรับประทานอาหารในร้านอาหารแห่งหนึ่ง เป็นการประชุมหารือเพื่อรับทราบปัญหาของผู้ประกอบการในพื้นที่เพื่อหาทางแก้ไขเสนอรัฐบาล ไม่มีการรับประทานอาหารร่วมกับนายนิติพัฒน์ เจ้าของร้านคลับวันในวันและเวลาดังกล่าว อีกทั้งไม่ทราบว่าเป็นเอกสารอะไร มาจากที่ใด หรือจากผู้ใด

นายธวัชชัย กล่าวต่อว่า ในส่วนของการดำเนินการกับสถานประกอบการคลับวันหลังจากนี้นั้น อำเภอบางละมุงได้รายงานการจับกุมการกระทำผิดให้จังหวัดได้ทราบแล้ว และจังหวัดได้มอบหมายให้อำเภอแจ้งเจ้าของสถานประกอบการเพื่อชี้แจงแสดงหลักฐานประกอบการพิจารณาภายในวันที่ 31 ต.ค.นี้ ก่อนที่ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ในฐานะพนักงาน เจ้าหน้าที่จะมีคำสั่งปิดสถานที่ดังกล่าวตามคำสั่ง คสช. ที่ 22/2558 ต่อไป โดยได้ส่งคำสั่งดังกล่าวไปให้อำเภอไปปิดหมาย ณ ร้านคลับวัน และให้อำเภอตรวจสอบติดตามการบังคับตามคำสั่งต่อไป จากนี้จะเร่งรัดดำเนินนโยบายป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด และการกวดขันการปฏิบัติตามนโยบายจัดระเบียบสังคมในสถานบริการและสถานประกอบการในทุกพื้นที่อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ร้านดังกล่าวใช้ชื่อว่า bone และเคยถูกสั่งปิดในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด เนื่องจากลักลอบเปิดให้บริการ ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดคนก่อนจึงสั่งปิดเป็นเวลา 30 วัน

“ในส่วนของการที่พูดพาดพิงจนก่อให้เกิดความเสียหาย ผมในฐานะพ่อเมือง ต้องมีความหนักแน่น แม้ว่าจะมีการขอโทษก็รับคำขอโทษไว้ แต่ในส่วนของคดีและกฎหมายก็ต้องดำเนินการ รวมทั้งเพจและสื่อต่างๆ ที่ทำให้เสียหาย ก็ได้มอบหมายให้นิติกรจังหวัดรวบรวมเพื่อดำเนินคดี” ผวจ.ชลบุรี กล่าว

ด้าน พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ กล่าวว่า จากกรณีที่มีการกล่าวอ้างตนได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และวานนี้ได้เชิญนายนิติพัฒน์ มาให้ปากคำที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ซึ่งเจ้าตัวได้ให้การว่าตนอยู่ในอาการมึนเมา ขาดสติ และไม่เคยจ่ายเงินให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งตนได้สั่งการอย่างเคร่งครัด หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐคนใดเข้าไปเกี่ยวข้องกับการรับจ่ายเงินก็ให้ดำเนินการขั้นเด็ดขาด ในส่วนที่มีบางเพจเอาภาพตนกับนายนิติพัฒน์ ไปลง ขอชี้แจงว่าตนเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งใหม่ ซึ่งต้องมีข้าราชการ พรรคพวก เพื่อนฝูง พี่น้อง คนรู้จัก มาร่วมแสดงความยินดี ซึ่งนายนิติพัฒน์ เป็นคนรู้จักกับเพื่อนนักเรียนนายร้อยรุ่นเดียวกับตน ซึ่งก็มีการถ่ายรูปร่วมกัน การเจอกันวันนั้นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียว ทราบเพียงว่าเป็นผู้ประกอบการสถานบริการที่พัทยา แต่ที่เพจเอาภาพมาลงและเขียนข่าวเสียหาย ตนต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ กล่าวต่อว่า การเอาภาพโพยมาเปิดเผยคู่กับภาพที่ตนไปนั่งรับประทานอาหาร ได้ทำการตรวจสอบแล้วพบว่าเพจที่เอาไปลงเป็นเพจเฉพาะกิจ ที่มีการเอาข้อมูลต่างๆ ไปลงหลังจากที่มีการจับกุมร้านคลับวัน ขณะนี้ทราบตัวแล้วว่าเป็นใคร และขอสงวนสิทธิ์ในการดำเนินการตามกฏหมายของคนกลุ่มนี้ต่อไปเช่นกัน ซึ่งภาพที่ปรากฏขอชี้แจงว่า ในวันนั้นเป็นการรับประทานอาหารกับ กต.ตร.พัทยา ส่วนใหญ่เป็นเจ้าของธุรกิจโรงแรม สถานประกอบการ ธุรกิจการท่องเที่ยว และในวันที่รับประทานอาหารไม่ได้รับประทานเป็นการส่วนตัว มีหัวหน้าสถานี นักข่าว และคนอื่นๆ เป็นจำนวนมาก และในภาพของโพยที่ออกมาอยากให้สังเกตว่า มีการวงกลมสีแดงที่ผับชื่อโบน ซึ่งร้านโบน ถูกปิดไปตั้งแต่ต้นปี ถ้าจะมีการเก็บเงินร้านโบนมีการเก็บตั้งแต่ปีไหน เมื่อใด ซึ่งตนได้เชิญผู้ประกอบการที่มีอยู่ในโพยทั้งหมดมาให้ปากคำกับคณะสอบข้อเท็จจริงที่ตั้งขึ้นที่ สภ.พัทยา และกำชับว่าหากโพยดังกล่าวเป็นเรื่องจริงและใครที่เรียกรับผลประโยชน์ให้ดำเนินการขั้นเด็ดขาดทุกราย ซึ่งในขณะที่ตนเพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง ร้านชื่อโบน ไม่มีแล้ว เปลี่ยนเป็นร้านคลับวัน แทน

พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ กล่าวอีกว่า ในส่วนของนายนิติพัฒน์ วานนี้ได้เข้ามาให้การว่า เมาขาดสติ ตนจึงคิดตามโบราณว่า อย่าถือคนบ้าอย่าว่าคนเมา ในส่วนของร้านดังกล่าวที่ได้เปิดเกินเวลาตามที่กฎหมายกำหนด มองว่าการเข้าตรวจค้นดังกล่าวเป็นการตรวจค้นมุ่งเรื่องยาเสพติดเป็นหลัก การปฏิบัติจึงต้องมีห้วงเวลาที่เหมาะสม มองว่าไม่ใช่ข้อบกพร่องของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เรื่องของการปล่อยให้มีการเปิดเกินเวลา ในส่วนของเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับการฟอกเงินในกระบวนการยาเสพติด หรือการเปิดเว็บพนันหรือไม่นั้นกำลังดำเนินการตรวจสอบ

“ในส่วนของนักเที่ยวกว่า 200 คน ที่มีการฝ่าแนวกั้นออกไปในคืนดังกล่าวพบว่ามีนักท่องเที่ยวชายหญิงที่อยู่ในอาการมึนเมา หากเจ้าหน้าที่ใช้ยุทธวิธีใช้กำลังผลักดัน อาจเกิดการใช้กำลังยื้อยุดฉุดกระชาก อาจเป็นเหตุให้ประชาชนล้ม ได้รับบาดเจ็บเป็นอันตราย เจ้าหน้าที่จึงทำการประเมินแล้วพบว่าไม่คุ้มค่า จึงต้องปล่อยให้เป็นไปตามสถานการณ์ มองว่าไม่ใช่ข้อบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ เพราะหากเกิดเหตุที่ประชาชนได้รับบาดเจ็บ ภาพของเจ้าหน้าที่คงดูไม่ดี ซึ่งเจ้าหน้าที่ใช้ดุลพินิจในการปฏิบัติหน้าที่อย่างถูกต้อง แล้วก็ควรต้องให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติงานด้วย แต่ทั้งนี้ได้ส่งซองยาเสพติดทั้งหมดเพื่อตรวจสอบลายนิ้วมือแล้ว” ผบก.ภ.จว.ชลบุรี กล่าว.