เมื่อวันที่ 7 พ.ย. ที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี แม่หญิงไทย 8 ราย เดินทางมาจาก จ.กาฬสินธุ์ 2 ราย จ.ขอนแก่น 4 ราย จ.หนองบัวลำภู 2 ราย เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ขอให้ช่วยเหลือลูกสาวถูกหลอกไปทำงานนวดแผนไทยและบังคับให้ค้าประเวณีที่ประเทศไนจีเรีย แต่ผู้เสียหายไม่ยอมทำตาม จึงถูกทำร้ายร่างกาย กักขัง ยึดพาสปอร์ต และยังมีหญิงไทยที่ต้องการขอความช่วยเหลืออยู่รวมกัน 12 คน

แม่หญิงไทย เล่าว่า ลูกสาวผู้เสียหายทั้ง 8 คน มีอาชีพรับจ้างทั่วไป ต่อมาได้ติดต่องานทางเฟซบุ๊กโฆษณารับสมัครคนไทยไปทำงานนวดแผนไทยที่ประเทศไนจีเรีย จะได้รับค่าจ้างเดือนละ 50,000 บาท ผู้เสียหายทุกคนไม่ต้องออกค่าใช้จ่ายใดๆ ซึ่งเป็นร้านหญิงคนไทยที่เปิดร้านกับสามีเป็นชาวไนจีเรีย จึงตกลงบินไปทำงานช่วงกลางเดือน พ.ค. 65 ในเดือนแรกทำงานได้รับเงินเดือน 50,000 บาท เดือนต่อมารายได้ไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ ได้รับเพียง 21,000 บาท ผู้เสียหายจึงขอกลับไทย แต่นายจ้างไม่ยอมให้กลับ อ้างว่าจะต้องอยู่ทำงานชดใช้ค่าแทคจนหมดก่อน และยึดพาสปอร์ตทั้ง 8 คนไป และยังมีหญิงไทยที่อยู่รวมกันอีก 12 คน ถูกบังคับให้ค้าประเวณีกับแขกที่เข้ามาใช้บริการนวดแผนไทย แต่ผู้เสียหายไม่ยอมทำ จึงถูกทำร้ายร่างกายและกักขังไว้ในห้อง ไม่สามารถออกไปไหนได้ จึงแชตมาขอให้แม่ช่วยเหลือ รองประธานสภา อบต.สำราญ จ.กาฬสินธุ์ จึงได้ประสานมายังมูลนิธิปวีณาฯ ขอให้ประสานช่วยเหลือหญิงไทยผู้เสียหายทั้ง 12 ราย

หลังรับแจ้งเรื่อง นางปวีณา ได้ประสานไปยัง นายฉัตรชัย วิริยเวชกุล อธิบดีกรมการกงสุล มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ดำเนินการติดตาม โดยนางปวีณา จะประสานตรงไปยังเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศไนจีเรีย ติดตามช่วยเหลือหญิงไทยให้ได้รับการช่วยเหลือ

นางปวีณา กล่าวเตือนหญิงไทย อย่าหลงเชื่อหางานทำในเฟซบุ๊ก จะตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ค้าประเวณีในประเทศต่างๆ โดยจะมีขบวนการหลอกลวงในประเทศไทย และประเทศปลายทาง ปี 2565 มูลนิธิปวีณาฯ รับเรื่องราวร้องทุกข์หญิงไทยถูกหลอกค้าประเวณีต่างประเทศถึง 115 ราย ดังนี้ 1.กัมพูชา 36 ราย 2. บาห์เรน 19 ราย 3.ไนจีเรีย 12 ราย 4.เมียนมา 11 ราย 5. ดูไบ 10 ราย 6. ฟิลิปปินส์ 8 ราย 7.โอมาน 5 ราย 8.เกาหลี 3 ราย 9. มาเลเซีย 2 ราย และประเทศอื่นๆ อีก 9 ราย รวมเป็น 115 ราย ซึ่งมูลนิธิปวีณาฯ ได้ประสานกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เร่งช่วยเหลือกลับมาแล้ว อีกส่วนหนึ่งยังอยู่ระหว่างการช่วยเหลือ.