นับว่าเป็นเรื่องภัยใกล้ตัวอย่างมาก สำหรับคนที่อยู่คอนโดฯ หรือหอพักต่าง ๆ ยิ่งถ้าเป็นผู้หญิงแล้วอยู่คนเดียวด้วย ต้องระวังเรื่องความปลอดภัยอย่างมาก
ล่าสุด มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ซึ่งเป็นพี่ชายของผู้เสียหาย ที่ได้ประสบเหตุ โดยได้โพสต์ข้อความพร้อมแนบคลิปเตือนภัยระบุว่า ‘เตือนภัยอยู่คอนโดฯ โคตรน่ากลัว
โชคดีที่น้องสาวผมล็อกประตู โชคดีที่อีกห้องซึ่งเป็นคู่แม่ลูกไม่อยู่ห้อง ถ้ามีเหตุการณ์เหมือนในคลิป คุณอยากให้นิติคอนโดฯ ทำอย่าง
1) ติดป้ายประกาศระวังภัยให้ลูกบ้านรายอื่นทราบเรื่องจะได้ระวังตัว
2) ไม่ติดป้ายประกาศ เพราะกลัวลูกบ้านย้ายออก
คอนโดฯน้องสาวผม “เลือกข้อ 2”
– ด้วยเหตุผลที่แจ้งผมว่า กลัวกระทบกระเทือนเอเจนซี่ ซึ่งทีผู้เช่ากว่า 60 ห้อง (คือคุณจะไม่ห่วงผู้เช่ารายอื่น ไม่ระวังภัยให้ลูกบ้านเลยเหรอ) ทำไมไม่นึกถึงคนที่เค้าจ่ายเงิน ซื้อคอนโดฯบ้าง
– และก็มาอ้างว่า ถ้าติดป้ายจะผิดกฎหมาย PDPA เพราะผู้ชายในคลิป ยังไม่ได้ย้ายออก (เอ้าเห้ย เพราะเค้ายังอยู่ควรจะรีบติดและประกาศให้คนอื่นรู้สิ เค้าจะได้ระวัง)
ความเห็นส่วนตัวคิดว่า สิ่งที่นิติควรทำคือช่วยเหลือลูกบ้าน แจ้งข่าวสารลูกบ้าน ให้ลูกบ้านรู้สึกมั่นใจในความปลอดภัย มากกว่าจะปอดแหกกลัวคนย้ายออก
คดีนี้จบลงแล้ว ตำรวจไปเรียกผู้ต้องหารับทราบข้อกล่าวหาและจ่ายค่าปรับ 5,000 บาท (และผมให้เค้าโอนเงินทำบุญไป รพ.อีก 3,000 บาท แทนค่าทำขวัญ) ส่วนเรื่องการบังคับย้ายออกทันที นิติฯ ต้องให้เอเจนซี่ เป็นคนแจ้งผู้ต้องหา
ตำรวจร้อยเวร ได้มอบใบลงบันทึกประจำวันให้ผู้ต้องหากลับไป โดยในนั้นมี ชื่อ บ้านเลขที่ เบอร์โทรศัพท์ และเลขบัตรประจำตัวประชาชน ของน้องสาวผม โดย “ไม่ได้ขีดปิดบังข้อมูลเลย!” ซึ่งผมว่า “ตำรวจควรระมัดระวังและคิดให้รอบครอบมากกว่านี้”
สุดท้ายเจ้าของโพสต์ยังได้กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ทางน้องสาวของตนซึ่งเป็นผู้เสียหาย ได้เสียค่ามัดจำห้องพักกว่า 15,000 บาท เพราะย้ายออกก่อนกำหนด แต่ภายหลังทางเอเจนซี่แจ้งว่า เจ้าของห้องได้คืนเงินประกันให้ผู้เสียหายแล้ว..
