เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ที่สำนักงานเขตพระนคร นพ.ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก นพ.เทวัญ ธานีรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก นายสัมฤทธิ์ สุมาลี ผอ.เขตพระนคร พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก.สน.ชนะสงคราม ร่วมประชุมชี้แจงเพื่อแจ้งแนวทางการรณรงค์สร้างความเข้าใจต่อผู้ประกอบการ เกี่ยวกับการขออนุญาตจำหน่ายหรือแปรรูปสมุนไพรควบคุม เพื่อการค้า (กัญชา) ณ สำนักงานเขตพระนคร โดยมีข้อสรุป 4 ข้อ คือ

1.ปัจจุบันมีกฎหมายบังคับใช้เฉพาะช่อดอกกัญชา เป็นสมุนไพรควบคุมเท่านั้น
2.การส่งช่อดอกตรวจพิสูจน์ สามารถส่งพิสูจน์ได้ที่กรมแพทย์แผนไทยและกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งมีอุปกรณ์ในการตรวจพิสูจน์อยู่แล้ว หน้าที่การนำไปตรวจพิสูจน์ เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กรมแพทย์แผนไทยเป็นผู้ดำเนินการ

  1. เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้เพียงลำพัง จะต้องมีเจ้าหน้าที่ ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยฯ ร่วมปฏิบัติด้วย
  2. การจัดห้องสูบในสถานประกอบการที่ได้รับอนุญาต ไม่สามารถกระทำได้ ถือเป็นการผิดเงื่อนไขในการขออนุญาต ซึ่งจะนำไปสู่การพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาต (ถือเป็นมาตรการทางปกครอง)

เปิดห้องสูบกัญชาผิดแน่นอน!ห้ามปาร์ตี้-รอร่างพ.ร.บ.ผ่านคุมได้ชัดเจน

จากนั้น นพ.ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก พร้อมด้วย นายสัมฤทธิ์ สุมาลี ผู้อำนวยการเขตพระนคร และ พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก.สน.ชนะสงคราม ได้ลงพื้นที่ถนนข้าวสาร แขวงตลาดยอด เขตพระนคร กรุงเทพฯ ตรวจร้านจำหน่ายกัญชา เพื่อตรวจสอบการบังคับใช้กฎหมายและดูใบอนุญาตให้จำหน่ายพืชกัญชา ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2542

นพ.ธงชัย กล่าวว่า จากการตรวจสอบร้านจำหน่ายกัญชา 4-5 ร้าน พบว่ามีร้านที่มีป้ายโฆษณาเชิญชวนการใช้กัญชาในทางสันทนาการ ทั้งนี้ จากการตรวจสอบภายในร้านพบว่ามีใบอนุญาตทุกร้าน แต่พบมี 1 ร้าน ที่ขอใบอนุญาตที่ จ.ลพบุรี แต่มาเปิดร้านที่นี่ ตามหลักการก็ถือว่าไม่ถูกต้อง เพราะหากเปิดร้านที่กรุงเทพฯ ก็ต้องขอใบอนุญาตที่กรุงเทพฯ

นพ.ธงชัย กล่าวถึง กรณีที่นายกสมาคมผู้ประกอบการถนนข้าวสาร เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า จะทำห้องเพื่อสูบกัญชาโดยเฉพาะ ซึ่งตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข ไม่ได้ส่งเสริมให้เกิดการสูบใบกัญชาเพื่อสันทนาการ จึงอยากเชิญชวนผู้ประกอบการให้ทำกิจการอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม อย่าทำอะไรที่สุ่มเสี่ยง แม้ว่าตามกฎหมายของกรมการแพทย์แผนไทย จะไม่สามารถเอาผิดกับร้านที่จัดให้มีสถานที่สูบได้ แต่ก็ต้องดูรายละเอียดของกฎหมายอื่นร่วมด้วย ว่าจะมีความผิดหรือไม่

อย่างไรก็ตาม กรณีการเปิดห้องสันทนาการดังกล่าว ตามกฎหมายที่กรมการแพทย์แผนไทยถืออยู่ คือกฎหมาย สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ. 2565 ยังเอาผิดไม่ได้ เนื่องจากเป็นคนละเรื่องกัน แต่ก็ต้องดูกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากขณะนี้ ไม่ได้มีแค่กฎหมายฉบับเดียวที่ควบคุมเรื่องกัญชา แต่มีกฎหมายอื่นๆ อีกหลายฉบับที่ต้องพิจารณาร่วมด้วย ดังนั้นการจะปิดร้านใดๆ ได้ ไม่ใช่ว่าจะสั่งปิดได้เลย แต่ต้องทำตามระเบียบขั้นตอนของกฎหมาย และต้องมีหลักฐานที่ชัดเจนว่าเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.กฎหมายใด

สำหรับกรณีที่มีสถานที่เขียนว่าเป็นคลินิกแพทย์แผนไทยในพื้นที่ถนนข้าวสารที่ได้ลงตรวจสอบนั้น เบื้องต้นพบว่าคลินิกดังกล่าวปิด ซึ่งจะต้องตรวจสอบต่อไปว่าได้รับอนุญาตให้เปิดสถานบริการหรือไม่ เพราะโดยหลักการแล้ว การเปิดสถานบริการที่ไม่มีผู้ป่วยไว้ค้างคืน ต้องมีการขอใบอนุญาตก่อนจึงจะติดป้ายได้ว่า “คลินิกแพทย์แผนไทยที่มีการรักษาโรค” ถ้าหากไม่มีใบอนุญาตแล้วไปติดป้ายนั้น แสดงว่าไม่ถูกต้อง และถือว่านายแพทย์ที่เปิดสถานบริการดังกล่าวทำผิดจรรยาบรรณวิชาชีพ

ทั้งนี้ อยากจะเชิญชวนผู้ประกอบการว่า ถ้าอยากให้กฎหมายที่เกี่ยวกับกัญชาเสรีใช้ได้ในระยะยาวในทางการแพทย์และเศรษฐกิจ ที่ไม่มีเรื่องของสันทนาการ ก็ต้องช่วยกันทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ถ้าหากยังพบปัญหา กฎหมายก็จะมีข้อบังคับมากขึ้นในเรื่องนี้