หลังจากที่ ‘จ้าว เหว่ย’ ผู้ก่อตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ออกมาพูดถึงการเกี่ยวโยงกับกลุ่ม 5 เสือมังกรที่ทำธุรกิจสีเทาในประเทศไทยไปแล้วนั้น ทางผู้สื่อข่าวได้รับเชิญให้ไปดูความเจริญภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษ และการวางแผนการก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก สนามกอล์ฟ แหล่งท่องเที่ยว สนามม้า ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ และสนามบิน ซึ่งถือว่าเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ 1 ใน 17 แห่งใน สปป.ลาว ซึ่งมีนักลงทุนเข้ามาลงทุนในพื้นที่นี้กว่า 200 ราย มูลค่าการลงทุนไปแล้วกว่าแสนล้านบาท

‘ชูวิทย์’ ว่าไง! เจ้าพ่อคิงส์โรมัน ‘จ้าว เหว่ย’ ตอกกลับถามเป็นใคร? ท้าขอหลักฐานเอี่ยวกลุ่มจีนเทา

ที่ผ่านมาคนที่ไม่เคยเข้ามาสัมผัส อาจมองเพียงว่าที่แห่งนี้เป็นสถานที่น่ากลัว เพราะก่อนหน้านี้ต้องยอมรับว่าชื่อเสียงของ ‘สามเหลี่ยมทองคำ’ ขึ้นชื่อเรื่องแหล่งค้ายาเสพติด กลุ่มผู้มีอิทธิพลต่างๆ จนชื่อเสียงของสามแหลี่ยมทองคำ อาจทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยของคนที่ยังไม่รู้จัก เลยไม่กล้าเข้ามาท่องเที่ยวในที่แห่งนี้ อีกส่วนหนึ่งหากมองเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำนี้เข้ามาจากฝั่ง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย สิ่งแรกที่เห็นก็คือ กาสิโน ซึ่งเป็นธุรกิจแรกๆที่ก่อตั้งในที่แห่งนี้ ด้วยคำว่า กาสิโน หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้คิดถึงสิ่งที่จะตามมาเช่นอบายมุขต่างๆ ยาเสพติด ทำให้เกิดมุมมองที่ไม่น่ามาท่องเที่ยวเท่าไหร่นัก หากไม่ใช่นักพนันก็ไม่มีความคิดที่อยากจะเข้ามาที่นี่

ปัจจุบันหากได้เข้ามาสัมผัสที่เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำแล้ว จะได้เห็นว่า กาสิโนเป็นเพียงหนึ่งในธุรกิจที่อยู่ในนี้เท่านั้น และปัจจุบัน ‘กาสิโนคิงส์โรมัน’ ได้มีนักลงทุนชาวสิงคโปร์ เข้ามาเช่าทำธุรกิจระยะยาวแล้ว โดยได้เปลี่ยนชื่อเป็น ALLUXI CASINO และนอกจากกาสิโนแล้ว 15 ปีที่ผ่านมาได้มีการพัฒนา จนปัจจุบันภายในมีโรงแรมมากกว่า 10 แห่ง โดยโรงแรมของกลุ่มดอกงิ้วคำ ในเครือ “จินมู่เหมียน” ได้ลงทุนสร้างโรงแรมขนาดใหญ่ 17 ชั้น ห้องพักกว่า 500 ห้อง โดยก่อสร้างคืบหน้ากว่าร้อยละ 90 คาดว่าจะเปิดได้ในช่วงต้นปี 2566 มีห้างสรรพสินค้า 6 แห่ง ไชน่าทาวน์ ร้านอาหารจีน ย่านการค้า ถนนคนเดิน ร้านกาแฟ โรงพยาบาล 2 แห่ง โรงเรียน ไม่ต่างจากเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ และปัจจุบันกำลังก่อสร้างสนามกอล์ฟ 18 หลุม ที่มีเนื้อที่กว่า 1,000 ไร่ สนามม้านานาชาติขนาด 18 กิโลเมตร สนามยิงปืน สนามแข่งรถ และตลาดน้ำสไตล์ยุโรป อีกทั้งในปี 2566 มีโครงการที่จะสร้างท่าเรือน้ำลึกในแม่น้ำโขง เพื่อเปิดเส้นทางการค้า การขนส่งในแม่น้ำโขงเชื่อมโยงระหว่างลาว-จีน-ไทย ซึ่งจะถือว่าเป็นระบบขนส่งคมนาคมน้ำขนาดใหญ่ โดยมีเป้าหมายว่า จะพัฒนาคู่ขนานไปกับจังหวัดเชียงราย

ส่วนของความปลอดภัยในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ มีนโยบายและมาตราการของทางเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ต้องดูแลประชากร 50,000-60,000 คน และอยู่ภายใต้กฎหมายของรัฐบาล สปป.ลาว โดยมีการทำงานร่วมกันกับ เจ้าหน้าที่ รปภ.ของเขตฯ กำลังทหารที่คอยลาดตระเวนในพื้นที่ชายแดน และเจ้าหน้าที่รัฐของ สปป.ลาว ปฏิบัติงานรักษาความปลอดภัยร่วมกัน นอกจากกำลังเจ้าหน้าที่แล้ว ยังมีกล้อง CCTV ตลอดทั่วทั้งเขต ซึ่งความปลอดภัยในเขตต้องมาเป็นอันดับแรก ในพื้นที่เขตรับรองได้ว่าในเวลากลางคืน แม้ผู้หญิงเดินถือเงินจำนวนมากเดินไปในที่เปลี่ยวก็ไม่มีคนร้ายมาทำร้ายหรือชิงทรัพย์ได้ นอกจากนี้เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ได้พัฒนาภาคเกษตรแบบวงจร โดยการเลี้ยงวัว กว่า 5,000 ตัว ฟาร์มเลี้ยงหมู เลี้ยงไก่ และโรงผลิตอาหารสัตว์ ปลูกผักปลอดสารพิษ เพื่อป้อนให้กับประชากร

จ้าว เหว่ย กล่าวถึงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ว่า พื้นที่แห่งนี้ไม่มีใครกล้าเข้ามาพัฒนา เพราะว่ามีอาชญากรรม ยาเสพติด จนได้เดินทางมาพบเห็นต้นดอกงิ้วที่บานและสวยงามจำนวนมากที่นี่ จึงอยากจะพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว แต่ที่ผ่านมาก็มีปัญหาเข้ามามากมาย แต่ก็ได้ฝ่าฟันมาโดยตลอด ทั้งเรื่องการถูกตราหน้าว่าเป็นอาชญากร ค้ายาอยู่ในที่แห่งนี้ แต่ที่จริงแล้วเราเข้ามาพัฒนาและกำจัดยาเสพติดให้หายไปจากพื้นที่แห่งนี้มากกว่า เพราะสามเหลี่ยมทองคำ เป็นสถานที่ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งยาเสพติด

“เราเข้ามาและช่วยพัฒนาร่วมกับรัฐบาลลาว ในการช่วยปราบปรามยาเสพติด จนได้รับรางวัลจากรัฐบาลลาว ซึ่งครั้งแรกที่เข้ามาตั้งเป้าหมายว่าจะพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ให้ดีขึ้น ซึ่งทุกวันนี้ก็ได้ทำถึงจุดหนึ่งที่พอใจมากแล้ว ต่อไปก็คือผลักดันให้ทุกคนมีอาชีพ และทำให้พื้นที่แห่งนี้ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของโซนเอเชีย และระดับโลก เพื่อนำความก้าวหน้ามาสู่พื้นที่แห่งนี้” จ้าว เหว่ย กล่าวทิ้งท้าย