เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 (บก.สอท.1) ศูนย์ราชการ นายพิชา ป้อมค่าย ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก และ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน เดินทางมาเพื่อติดตามความคืบหน้าในคดีที่ได้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับบุคคลหรือกลุ่มบุคคลผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก จากกรณีเมื่อวันที่ 14 พ.ย. 65 เป็นต้นมา ได้พบว่ามีบุคคลหรือกลุ่มบุคคลทำการเผยแพร่ข้อความอันเป็นความเท็จในเฟซบุ๊ก ทั้งการโพสต์ข้อความ แชร์ลิงก์ เป็นจำนวนมากกว่า 10 บัญชีเฟซบุ๊ก

โดยกล่าวหาว่า พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก และ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน เป็นคนใช้ สั่งการ หรือสนับสนุนให้นายตู้ห่าว กระทำความผิดต่อกฎหมาย ซึ่งเป็นความเท็จ เพราะ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก และ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน ไม่เคยใช้ สั่งการ หรือสนับสนุนการกระทำใดๆ ของนายตู้ห่าว ที่เป็นความผิดต่อกฎหมาย โดยเฉพาะเรื่องของยาเสพติดที่ พล.ต.อ.ประชา และ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ซึ่งเคยเป็นนายตำรวจระดับสูง ต่างก็สนับสนุนให้มีการปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาดมาโดยตลอด

นายพิชา กล่าวว่า การเผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จดังกล่าว เป็นการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลเป็นเท็จ ซึ่ง พล.ต.อ.ประชา และ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ขอยืนยันว่า ทั้ง 2 ท่านไม่เคยรู้เห็นหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจผิดกฎหมายของนายตู้ห่าว หรือบุคคลใดๆ ท่านทั้ง 2 เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงและเกียรติประวัติ จึงไม่สามารถยินยอมให้บุคคลใดมาใส่ร้ายใส่ความในเรื่องที่ไม่มีมูลความจริงได้ แต่เนื่องจากบุคคลหรือกลุ่มบุคคลผู้ใช้เฟซบุ๊กที่เผยแพร่ข้อความดังกล่าว ไม่ได้แสดงตัวตนที่ชัดเจน การดำเนินคดีตามปกติทำได้ยาก พล.ต.อ.ประชา และ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ จึงต้องร้องทุกข์กล่าวโทษต่อเจ้าพนักงานตำรวจที่มีความรู้ความชำนาญและมีเครื่องมือในการตรวจสอบหาตัวตนของผู้ที่กระทำความผิด จึงได้มอบหมายให้ทนายความมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อกองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย. 65 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับบุคคลหรือกลุ่มบุคคลอย่างเด็ดขาด จนกว่าคดีจะถึงที่สุด

นายพิชา กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ผ่านไปเดือนกว่า ทราบว่าพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน จนสามารถรู้ว่าใครเป็นผู้โพสต์ข้อความและเป็นเจ้าของเฟซบุ๊กสามารถพิสูจน์ทราบตัวบุคคลได้แล้ว 3 ราย ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกบุคคลเหล่านี้มารับทราบข้อกล่าวหา ขอฝากเตือนว่าการจะโพสต์ การเผยแพร่ หรือการจะแชร์ลิงก์ใดๆ ก็ตาม ควรตรวจสอบข้อมูลให้ดีเสียก่อนว่า ข้อความที่ท่านจะเผยแพร่สู่สาธารณะหรือประชาชนเป็นความจริงหรือเป็นความเท็จ ความสัมพันธ์ใดๆ ไม่ได้หมายความว่า บุคคลที่มีความสัมพันธ์ทางเครือญาติหรือความสัมพันธ์ส่วนตัวใดๆ จะเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดเสมอไป อย่าพาดพิงกันโดยไม่มีมูลฐานหรือข้อเท็จจริง

ด้าน พ.ต.ท.สรรพิชญ์ ศิริสุนทร รอง ผกก.(สอบสวน) กก.3 บก.สอท.1 ได้เชิญบุคคลที่เผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จในเฟซบุ๊กมารับทราบข้อกล่าวหา 2 ราย ในข้อหา หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ยอมรับว่าเป็นผู้โพสต์ข้อความเอง ส่วนบุคคลอื่นที่มีการโพสต์ข้อความในลักษณะเดียวกันอยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบตัวบุคคล เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป