เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้สั่งการให้กองทัพเรือตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีเรือหลวงสุโขทัยประสบเหตุอับปางลง เพื่อหาข้อเท็จจริงสาเหตุของการอับปางและตรวจสอบขั้นตอนการดำเนินการภายหลังเรือประสบเหตุอับปาง จนเป็นเหตุให้มีผู้ประสบภัย เพื่อจัดทำบทเรียนในการป้องกันอุบัติเหตุและความเสียหาย มิให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันอีก โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้ย้ำขอให้กองทัพเรือยังคงดำรงความมุ่งมั่นระดมค้นหาและช่วยเหลือกำลังพลอีก 11 นาย ที่ยังสูญหายให้ถึงที่สุดจนกว่าจะครบทั้งหมด โดย รมว.กลาโหม ยังได้ให้กำลังใจและแสดงความห่วงใยครอบครัวกำลังพลที่สูญเสียและยังสูญหาย โดยกำชับให้กองทัพเรือเข้าไปช่วยเหลือดูแลและเยียวยาทุกครอบครัวที่ประสบภัยอย่างใกล้ชิด ให้จัดพิธีทางศาสนาแก่กำลังพลทุกนายที่เสียชีวิตอย่างสมเกียรติ พร้อมขอเป็นกำลังใจให้กับกำลังทหารและเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ที่ยังคงร่วมกันทำงานกู้ภัยและค้นหาผู้สูญหายที่ยังคงเหลือ

ขณะเดียวกันกลาโหมไม่ได้นิ่งนอนใจกับการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ทั้งก่อนและระหว่างเรืออับปาง โดยจะเร่งทำความจริงให้ปรากฏด้วยความโปร่งใส พร้อมทั้งขอขอบคุณประชาชนทุกคน ที่เป็นกำลังใจให้กับครอบครัวผู้ประสบภัยทุกคน โดยเชื่อว่า เราจะผ่านความยากลำบากนี้ไปด้วยกัน

ทางด้าน พล.ร.อ.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า กองทัพเรือยังคงดำเนินการ เร่งค้นหาและช่วยเหลือกำลังพล กรณีเรือหลวงสุโขทัยอับปาง ในพื้นที่ลาดตระเวนตามแผน โดยเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (26 ธ.ค.) เรือหลวงนเรศวร ได้ดำเนินการเก็บกู้ร่างผู้เสียชีวิตได้เพิ่มอีก 1 ร่าง และจะกลับขึ้นฝั่งที่อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ หลังจากนั้น จะเข้าสู่กระบวนการของการพิสูจน์อัตลักษณ์เพื่อยืนยันตัวบุคคลต่อไป

จากการที่มีสื่อมวลชนนำเสนอข่าวว่า พบร่างผู้เสียชีวิตสวมเสื้อกองทัพเรือ มาขึ้นฝั่งบริเวณ ชายหาดบ้านดอนเค็ด อ.สทิงพระ จ.สงขลา เมื่อช่วงเช้ามืดวันนี้นั้น จากการตรวจสอบหลักฐานและบัตรประจำตัว พบว่าศพที่พบเป็นลูกเรือประมงทรัพย์สุนันท์ 9 ซึ่งจมลงเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. ที่ผ่านมา เช่นกัน โดยทางญาติได้ยืนยันตัวบุคคลแล้วว่าชื่อนายสาโรจน์ บินโด

โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่าในส่วนของการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเรือหลวงสุโขทัยอับปางนั้น ในขณะนี้กองทัพเรือ โดย พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผบ.ทร. ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีเรือหลวงสุโขทัยอับปาง ซึ่งประกอบด้วย คณะอนุกรรมการ 2 คณะ คือ คณะทำงานสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อหาสาเหตุที่ทำให้เรือหลวงสุโขทัยอับปาง มีหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อหาสาเหตุ ทั้งด้านความพร้อมของเรือและการปฏิบัติงานของเรือ และคณะทำงานสอบสวนข้อเท็จจริงในการดำเนินการภายหลังจากเรือหลวงสุโขทัยอับปาง มีหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อตรวจสอบการดำเนินการในขั้นตอนของการสละเรือใหญ่ การค้นหาและช่วยเหลือกำลังพลภายหลังประสบเหตุว่า เป็นไปตามหลักการและแนวทางการปฏิบัติที่กำหนดไว้หรือไม่ โดยคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ ก็ได้เร่งดำเนินการสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อหาสาเหตุต่อไป

โดยช่วงวันบ่ายวันนี้ (26 ธ.ค.) เวลา 13.00 น. พล.ร.อ.เชิงชาย จะเป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพ ว่าที่เรือเอก สามารถ แก้วผลึก พันจ่าเอกอัชชา แก้วสุพรรณ์ และพันจ่าเอก อำนาจ พิมที ณ ฌาปนสถานกองทัพเรือสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี และในเวลา 15.00 น. ผบ.ทร. พร้อมข้าราชการและกำลังพลกองทัพเรือในพื้นที่ จะเดินทางไปร่วมในพิธีรับร่าง พลทหาร วรพงษ์ บุญละคร กำลังพลหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานทางรักษาฝั่ง ร่วมกับกำลังพลอีก 3 นาย ซึ่งได้รับการยืนยันตัวบุคคลจากผลพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล ประกอบด้วย จ่าตรี ศราวุธ นาดี กำลังพลเรือหลวงสุโขทัย พลทหาร สิทธิพงษ์ หงษ์ทอง กำลังพลหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และ พลทหาร จิราวัฒน์ ธูปหอม กำลังพลหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ซึ่งจะเคลื่อนศพจากกองบิน 6 ขึ้นเครื่องบินแบบฟอกเกอร์ของกองทัพเรือ จาก ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 ดอนเมือง ไปยังสนามบินอู่ตะเภา ก่อนจะนำร่างไปประกอบพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ณ ฌาปนสถานกองทัพเรือสัตหีบ ในเวลา 17.00 น

โฆษกกองทัพเรือ กล่าวอีกว่า สรุปการช่วยเหลือผู้ประสบภัย (วันที่ 26 ธ.ค.) เวลา 11.30 น. ยอดกำลังพล 105 นาย รอดชีวิต จำนวน 76 นาย เสียชีวิตรวม 18 นาย ในจำนวนนี้ สามารถระบุชื่อได้แล้ว 10 นาย มีหลักฐานบ่งชี้ว่าเป็นกำลังพลกองทัพเรือและอยู่ในกระบวนการของการพิสูจน์อัตลักษณ์เพื่อยืนยันตัวบุคคล 8 นาย คงเหลือผู้สูญหายจำนวน 11 นาย (ยังไม่นับรวมเคสที่เจอล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวันนี้ รอผลและหลักฐานบ่งชี้ว่า เป็นกำลังพลกองทัพเรือ จึงจะมีการตัดยอด).